บอร์ดรฟท. นัดถกร่างแก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน  13 มี.ค. 68  ตอกเข็มมิ.ย.นี้

10 มี.ค. 2568 | 17:23 น.
อัปเดตล่าสุด :10 มี.ค. 2568 | 17:31 น.

รฟท.-อีอีซี ลุยเดินหน้า ก่อสร้างไฮสปีดเชื่อม 3สนามบิน  ดีเดย์ บอร์ดรฟท. นัดถก  13มี.ค.68  พิจารณาวาระร่างแก้สัญญาไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน  ส่งอัยการฯตรวจภายใน1เดือนก่อนเสนอบอร์ดอีอีซี-ครม.ไฟเขียว เม.ย.-พ.ค.นี้ พร้อมออก NTP มิ.ย. 68 ตอกเสาเข็ม-เปิดให้บริการปี73

 

 

โครงการอภิโปรเจ็กต์  รถไฟความเร็วสูง เชื่อม3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา )  220 กิโลเมตร หรือไฮสปีดเทรน  มูลค่า 224,544 ล้านบาท ที่มีการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท เอเชียเอราวัน จำกัด (กลุ่มซีพี) เป็นคู่สัญญาผู้รับสัมปทาน 50 ปี  หลังมีความล่าช้ามานานล่าสุดได้เห็นสัญญาณความก่าวหน้าในการก่อสร้าง  

 

ที่นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี    ประเมินว่า การแก้ไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา)  ปัจจุบันอยุ่ระหว่างรอขั้นตอนรฟท. จะเสนอร่างสัญญาร่วมทุนฯ ให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.พิจารณาอนุมัติ

ล่าสุด ทราบว่าจะมีการเสนอบอร์ด รฟท.พิจารณาในเดือนมีนาคม2568 หลังจากนั้น รฟท.จะส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จากนั้นจะส่งเรื่องกลับมาเสนอบอร์ดอีอีซี เพื่อเห็นชอบร่างสัญญา คาดว่าจะอยู่ภายในเดือนเมษายน  เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติ ภายในเดือนพฤษภาคม2568 พร้อมทั้งเร่งลงนามแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ และออกหนังสือให้เริ่มงาน (Notice to Proceed: NTP) ต่อไป

เบื้องต้น นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าฯ รฟท. กล่าวว่า รฟท.เตรียมเสนอร่างสัญญาร่วมทุนฯรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. พิจารณาอนุมัติในวันที่ 13 มีนาคม 2568 หลังจากก่อนหน้านี้ มีการพิจารณากลั่นกรองจาก คณะทำงานฯที่ผู้ว่าฯรฟท.ตั้งขึ้น แล้ว และเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 3568 คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายของรฟท.ได้ประชุมเรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากผ่านบอร์ดรฟท. จะเร่งส่งเรื่องไปอัยการฯเพื่อตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป

ขณะรายงานข่าวจากรฟท. ระบุว่า  หากลงนามแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯได้ในเดือนพฤษภาคม 2568 รฟท.พร้อมออก NTP ให้ บจ.เอเชีย เอราวัน  เริ่มงานได้ภายในเดือนมิถุนายน 2568 ทั้งนี้ที่ผ่านมามีการประสานแผนก่อสร้างกันไว้แล้ว โดยเอกชนจะเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้าง 2 จุด ที่เป็นงานเร่งด่วนก่อน คือ บริเวณใต้รันเวย์ ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภา และบางซื่อ-ดอนเมือง บริเวณที่มี โครงสร้างร่วมกับโครงการรถไฟไทย-จีน(สัญญา 4-1 )

สำหรับระยะเวลาก่อสร้างและเปิดเดินรถมีระยะเวลาภายใน 5 ปี ทำให้ ทางเอกชนจะใช้วิธีการก่อสร้างแบบ Full Span Launching Gantries เป็นหลัก ซึ่งเป็นเทคนิคการสร้างสะพานหรือทางยกระดับที่เร็วที่สุด โดยมี โรงหล่อเซกเมนต์รวมประมาณ 3 จุด เช่น ที่บริเวณลาดกระบัง ดังนั้นจะมีการก่อสร้างฐานรากตอม่อรถไฟจากโรงหล่อ เพื่อเป็นเส้นทางส่งต่อชิ้นส่วนเซกเมนต์แต่ละช่วงยาวไม่ต่ำกว่า 30 เมตร เพราะขนส่งทางรถยนต์ไม่ได้ ส่วนช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง อาจจะใช้วิธีก่อสร้างทีละช่วงเซกเมนต์ที่สั้นกว่า เพื่อให้สามารถขนส่งเซ็กเมนต์ทางรถยนต์ได้

ขณะที่ช่วงที่เป็นเส้นทางรถไฟฟ้า แอร์พอร์ตเรลลิงก์ ในปัจจุบัน จากพญาไท-สุวรรณภูมิ นั้น รถไฟความเร็วสูง จะใช้ทางวิ่งร่วมด้วย ซึ่ง ทางเอกชนอยู่ระหว่างพิจารณาเลือกตู้รถไฟความเร็วสูง (Rolling Stock) โดยหากเลือกชนิดตัวรถกว้างแบบ Wide Body จะต้องมีการตัดชานชลาของสถานีแอร์พอร์ตลิงก์ออก เพื่อให้ขบวนรถวิ่งผ่านไปได้ เนื่องจากชานชลาออกแบบสำหรับขบวนรถของแอร์พอร์ตลงก์ ที่เป็นตัวรถแบบแคบ หรือ Narrow Bodyโดยตามแผนงานก่อสร้างและทดสอบระบบจะใช้เวลา 5 ปี กำหนดเปิดบริการในปี 2573

ที่มา :สำนักข่าวอิศรา