นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย วงเงิน 3.4 แสนล้านบาท
ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้การรถไฟฯ ศึกษารูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการ และเสนอขออนุมัติพร้อมกันกับการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยให้ทบทวนและปรับปรุงสมมติฐานที่ใช้ในการศึกษาให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบัน
ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นประธานคณะทำงาน ก็เพราะเชื่อว่าประสบการณ์ของท่านจะช่วยเสริมความรู้เรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง และการพัสดุให้กับคนรถไฟได้เป็นอย่างดี มีหน้าที่ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล
นอกจากนี้รวมถึงกระบวนการคำสั่งและขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของการรถไฟฯและระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้มีความถูกต้องโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการรถไฟฯ
นายวีริศ กล่าวต่อว่า คณะทำงานที่ตั้งขึ้นนั้น มีทั้งผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก และอดีตพนักงานการรถไฟฯ เองผสมผสานกัน เพราะที่ผ่านมาการรถไฟฯ มักถูกกล่าวหาอยู่หลายครั้งในเรื่องของความไม่โปร่งใส
ดังนั้นหากมีคณะทำงานที่มีความเชี่ยวชาญ หรือเป็นนักกฎหมาย มาช่วยกันทำงานกับคนรถไฟที่มีความชำนาญในงานนั้นๆ อยู่แล้ว ย่อมเป็นการรักษาประโยชน์ให้กับการรถไฟฯ ได้เป็นอย่างดี
“ผมเน้นย้ำเสมอเมื่อมีบางเรื่อง บางโครงการ ที่เสนอมาแล้วพบว่ามีความผิดพลาดในเรื่องของตัวเลข หรือเนื้อหาบ้าง ก็จำเป็นต้องให้กลับไปดำเนินการแก้ไขกลับมาใหม่ให้ถูกต้อง ซึ่งไม่ใช่ว่าเรื่องหายเงียบไป แต่ขอให้กลับไปดำเนินการมาใหม่ให้ถูกต้องตามขั้นตอน” นายวีริศ กล่าว
ส่วนการใช้วิธีประกวดราคาแบบ e-Bidding ในโครงการต่างๆ ของการรถไฟฯ อาจจะเป็นขั้นตอนที่มองว่าต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ผู้ที่เคยประมูลงานกับการรถไฟฯ โดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจงก็ดี หรือวิธีการคัดเลือกอย่างที่ผ่านมาก็ดี อาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง อาจจะรู้สึกว่าใช้เวลานานเกินไปบ้าง ไม่รวดเร็วทันใจเหมือนที่เคยทำ
“ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของนโยบายนี้ก็เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนของการดำเนินการ ดังนั้น หากต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย แต่สามารถรักษาผลประโยชน์ให้กับการรถไฟฯ เอาไว้ได้ ผมเชื่อว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว” นายวีริศ กล่าว
ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีนระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมาที่ล่าช้านั้น ก็ได้สั่งการให้เร่งรัดดำเนินการแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาสาเหตุเกิดจากการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า เพราะติดปัญหาเวนคืนที่ดิน รวมถึงการรื้อย้ายท่อน้ำมัน
ที่ผ่านมาการรถไฟพยายามเร่งผลักดันโครงการสำคัญต่างๆ ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยโครงการที่ผ่านมาบอร์ดการรถไฟฯ และได้รับอนุมัติโครงการแล้ว เช่น โครงการจัดหารถโดยสาร พร้อมอะไหล่ 182 คัน ทดแทนรถเดิมที่ใช้งานมากว่า 50 ปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย
ขณะเดียวกันยังมีโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ พร้อมอะไหล่ 184 คัน ทดแทนรถเดิมที่ใช้งานมากว่า 30 ปี เพื่อรองรับการขยายเส้นทางในโครงการก่อสร้างทางคู่ และทางรถไฟสายใหม่
นอกจากนี้ยังมีการลงนามบันทึกการดำเนินการด้านเทคนิคสำหรับการขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างการรถไฟฯ และรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาวอีกด้วย โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียน