นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ผ่านโครงการคุณสู้ เราช่วย ซึ่งเป็นมาตรการแรก คาดว่าจะมีผู้พร้อมเข้ามาเจรจากว่า 50% โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เป็นลูกหนี้บ้าน หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ส่วนกลุ่มที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันนั้น เป็นปัญหา โดยมีจำนวนมูลหนี้น้อย แต่จำนวนรายมาก ซึ่งรัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางดูแลครั้งที่ 2 ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ที่เข้มข้นขึ้น สำหรับลูกหนี้ที่มีมูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท
ทั้งนี้ พบว่าในสัดส่วนหนี้ครัวเรือนทั้งหมด 13 ล้านล้านบาท คิดเป็น 9 ล้านบัญชี จำนวน 5 ล้านราย โดยเมื่อเข้าไปดูรายละเอียด พบว่า คนที่เป็นหนี้ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1 แสนบาท สูงถึง 35% หากดูแลหนี้จำนวนน้อยเหล่านี้ได้ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนจะลดลงทันที
“ถ้าจำแนกลูกหนี้กลุ่มนี้ คาดว่าส่วนใหญ่เป็นหนี้แบบไม่มีหลักประกัน เป็นหนี้บริโภค บัตรเครดิต ถือว่าจำนวนน้อย แต่ปัญหาคือ เราจะเข้าไปปรับอย่างไร ซึ่งจากประสบการณ์ให้สถาบันการเงินโทรเรียก จากโครงการคุณสู้เราช่วย ก็ไม่ได้รับการติดต่อ จึงจะโฟกัสกลุ่มนี้ ให้ปรับโครงสร้างหนี้ตามกำลัง ยืดหยุ่นขึ้น และปลดจากเครดิตบูโร“
นายพิชัย กล่าวว่า รัฐบาลยังอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดหนี้ของประชาชน จากสัดส่วนหนี้ครัวเรือน ด้วยการจัดกลุ่ม ซึ่งหนี้แต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน เช่น มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และไม่มีหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม หากดำเนินการได้จะทำให้หนี้ครัวเรือนจากทั้งหมด 5 ล้านล้านคน หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 1.22 ล้านล้านบาท ถ้าได้รับการดูแลจะทำให้เขากลับมายืนได้
“การแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งประเทศ ยอมรับว่าจะไม่แล้วเสร็จภายใน 3-6 เดือน ต้องใช้เวลา แต่จะสมเหตุสมผล เพื่อวางแผนการแก้ไข ให้ถูกลักษณะ“
ส่วนจะนำแนวคิด AMC มาใช้ได้เลยหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า จะต้องทำงานร่วมกัน ได้แก่ เจ้าของหนี้ ธนาคาร ผู้ที่จะเข้ามาร่วมจัดการ และรัฐบาลที่จะเข้ามาสนับสนุน ดูแลกำกับ โดยกระบวนการในการจัดทำนั้นจะแบ่งเป็นกลุ่มๆ ส่วนจะมุ่งดำเนินการไปที่ AMC ออมสินหรือไม่นั้น ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่วนอื่นที่ยังไม่มีก็ขอดูรายละเอียด และไม่ต้องแก้กฎหมายเครดิตบูโร