วันนี้ (3 มี.ค. 68) เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ประชุมหารือร่วมกับผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ ทั้ง 18 ท่า ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดที่ท่าเรือแหลมฉบัง ในฐานะที่เป็นกำกับผู้ดูแล เพื่อหาเรือถึงปัญหาการจราจรภายใน หลังจากผู้ประกอบการได้ร้องเรียนไปยังการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ที่ห้องประชุม 1 อาคารบริหาร ท่าเรือแหลมฉบัง
เรือโทยุทธนา กล่าวหลังจากการประชุมว่า เนื่องจากท่าเรือแหลมฉบัง เป็นท่าเรือระดับโลก มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับตู้สินค้าจนปัจจุบัน ติดอันดับที่ 17 ของโลก มีท่าเทียบเรือจำนวน 18 ท่า มีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่ากว่า 9,000,000 ทีอียูต่อปี มีปริมาณรถบรรทุกผ่านเข้า-ออกมากกว่า 6,000,000 คันต่อปี ทำให้ปัจจุบันมีปริมาณรถบรรทุกหนาแน่นบางช่วงเวลาเกิดปัญหาการจราจรแออัด
ที่ผ่านมาท่าเรือแหลมฉบังได้มีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรภายในท่าเรือ รวมทั้งยกระดับการให้บริการให้ สอดรับต่อแผนการพัฒนาท่าเรือฯ ในระยะยาว ใช้งบประมาณไปนับพันล้านบาท เพื่อลดความแออัดของรถบรรทุกที่เข้ามาขนส่งสินค้า และแก้ไขปัญหาจราจรภายในท่าเรือแหลมฉบัง
โดยการเพิ่มประตูตรวจสอบตู้สินค้าจากเดิมมีเพียง 6 ช่องทาง จนปัจจุบันมีทั้งหมด 30 ช่องทางแล้ว ทำการขยายถนน ปรับปรุงผิวจราจร ขยายช่องจราจร ติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่าง และป้ายสัญญาณจราจร ก่อสร้างสะพานข้ามแยกบริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด ทางยกระดับจุดกลับรถทางเข้าชุมชนบ้านแหลมฉบัง
และยังมีจองเวลาการส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์เพื่อการส่งออก โดยจะให้ผู้ประกอบการสามารถระบุระยะเวลาในการส่งตู้สินค้าซึ่งคนขับรถไม่ต้องมาเสียเวลารอ โดยมีลานจอดพักรถในพื้นที่ 70 ไร่ ซึ่งมีบริการห้องสุขา จุดทิ้งขยะ ให้บริการ และร้านอาหารใกล้บริเวณดังกล่าว ในเรื่องห้องสุขา เราจะพิจารณาจัดให้บริการในพื้นที่ตามเส้นทางเพิ่มเติม เนื่องจากความไม่สะดวกในช่วงเวลาที่เข้ามาใช้บริการและรอเพื่อเข้าส่งตู้สินค้าเป็นเวลานาน
เรือโทยุทธนา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีแผนจัดการพื้นที่ ที่ท่าเรือแหลมฉบังได้วางไว้ คือ โครงการ "Truck parking” จะพัฒนาพื้นที่ 83 ไร่ บริเวณพื้นที่โซน 3 นอกเขตรั้วศุลกากร ทำจุดจอดรถและคอมมูนิตี้มอลล์ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในการจอดรถ พักรถ และพักผ่อน เพื่อรองรับรถบรรทุกสินค้าที่เข้ามารอรับส่งสินค้าในท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษารูปแบบการดำเนินงาน
เบื้องต้นจะเป็นการให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ และเสนอรูปแบบการบริหารจัดการทั้งหมด ทั้งการก่อสร้างและบริหาร มั่นใจว่าจะรองรับรถบรรทุกหัวลากรถบรรทุกสิบล้อที่มีกว่า 350,000-370,000 คัน ที่วิ่งเข้าออกขนส่งสินค้าในท่าเรือได้สะดวกสบายมากขึ้น พร้อมเป็นการสนับสนุนโครงการ Truck Queue ของท่าเรือแหลมฉบัง โดยเฉพาะรถหัวลากที่ยังไม่มีคิวจะเข้ามาพักคอยในสถานที่แห่งนี้ได้
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปิดประตู 5 เพื่อช่วยระบายการจราจรให้คล่องตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งหากทุกอย่างแล้วเสร็จจะสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรภายในได้อย่างแน่นอน
สำหรับการแก้ไข้ปัญหาเร่งด่วน หลังจากมีเรื่องร้องเรียน ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เผยว่า นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้รับทราบปัญหา และได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา วางแนวทางและมาตรการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ไปแล้ว คือ
1. เร่งดำเนินการตรวจสอบสาเหตุอย่างเร่งด่วน โดยสั่งการให้ท่าเรือแหลมฉบังตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงของการจราจรติดขัด
2. จัดตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาการจราจรของท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบังเป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ/เอกชนที่เกี่ยวข้อง
3. ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการจัดการคิวรถบรรทุก (Truck Queue) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
และ 4. ทำการตรวจสอบกรณีการเรียกเก็บ “ส่วยแซงคิว” โดยได้ดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเรียกเก็บส่วยดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พร้อมทั้งเชิญผู้ประกอบท่าเทียบเรือหารือ พบว่า ส่วยแซงคิวเกิดขึ้นได้ยาก เพราะมีระบบลงคิวรถส่งตู้สินค้าผ่านออนไลน์แบบชัดเจน แลกเปลี่ยน หรือเอื้อประโยชน์กันไม่ได้ เชื่อเกิดจากความไม่ใจเข้าเรื่องการบริหารจัดการหน้าท่าของคนขับรถ
ทั้งนี้ กทท.ได้เปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนทั้งแบบเปิดเผยตัวตน และไม่เปิดเผย ตามช่องทางดังต่อไปนี้ 1) Hotline 0-2269-5555 กด 3 หรือ 09-5562-0095 2) e-mail : [email protected] หรือ[email protected] 3) Line OA : PAT Connex 4) ระบบ e-complaint ผ่านทาง Website : www.port.co.th
ด้านนายอาณัติ มัชฌิมา นายกสมาคมผู้ประกอบการท่าเทียบเรือและตู้คอนเนอร์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีส่วยแซงคิวในท่าเรือฯ นั้น ผู้ประกอบการยืนยันตรงกันว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง เพราะรถขนส่งที่เตรียมเข้าท่าเทียบเรือ จะต้องจองคิวผ่านระบบออนไลน์ และรถจะต้องเข้าคิวตามลำดับ และมีชื่อบริษัทที่ชัดเจน
“เปรียบได้กับการจองตั๋วเครื่องบินที่ชื่อคนจองกับที่นั่งต้ องตรงกัน จะให้คนอื่นมานั่งแทนไม่ได้ เช่นเดียวกันที่รถขนส่งก็จะต้องมาต่อคิวตามที่ลงไว้จึงไม่สามารถนำรถออกจากแถวได้”
ทั้งนี้ อยากจะขอให้ผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวออกมาให้ข้อมูล เพื่อที่จะได้ดำเนินการตรวจสอบ และดำเนินการลงโทษกับเจ้าหน้าที่รับส่วย โดยยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดเผยตัวตน เพราะพวกเราก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครรับส่วย