ภายหลังคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฉบับใหม่ ซึ่งมีการเพิ่มเติมสาระสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะเงื่อนไขสำหรับคนไทยที่ต้องการเข้าเล่นกาสิโน ที่กำหนดให้ต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่าหกเดือน
"ฐานเศรษฐกิจ" ตรวจสอบข้อมูลยอดคงค้างเงินรับฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ไทย จากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) พบว่ามีบัญชีเงินฝากที่มียอดเกินกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 30,629 บัญชี คิดเป็นมูลค่าเงินฝากรวมทั้งสิ้น 6.55 ล้านล้านบาท
เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่ากลุ่มผู้ฝากเงินระดับ 50-100 ล้านบาท มีจำนวนมากที่สุดถึง 16,530 บัญชี รวมมูลค่าเงินฝาก 1.16 ล้านล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มผู้ฝากเงิน 100-200 ล้านบาท จำนวน 7,824 บัญชี มูลค่ารวม 1.08 ล้านล้านบาท ส่วนกลุ่มผู้ฝากเงิน 200-500 ล้านบาท มีจำนวน 4,237 บัญชี มูลค่ารวม 1.30 ล้านล้านบาท
ขณะที่กลุ่มผู้ฝากเงินตั้งแต่ 500 ล้านบาทขึ้นไป แม้จะมีจำนวนบัญชีน้อยที่สุดที่ 2,038 บัญชี แต่กลับมีมูลค่าเงินฝากสูงที่สุดถึง 3 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการกระจุกตัวของเงินฝากในกลุ่มผู้มีเงินฝากรายใหญ่
อย่างไรก็ตาม ยอดคงค้างเงินรับฝากแยกตามขนาดและอายุของเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ของธปท.ที่รายงานนั้นเป็นยอดรวมรวมกิจการวิเทศธนกิจ OUT-IN และ OUT-OUT แต่ไม่รวม Stand-Alone IBFs ซึ่งยอดเงินฝากดังกล่าวจะรวมถึงเงินฝากนิติบุคคลรวมอยู่ด้วย
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวยังกำหนดมาตรการควบคุมที่เข้มงวด โดยผู้ที่จะเข้าใช้บริการนอกจากต้องมีคุณสมบัติด้านเงินฝากแล้ว ยังต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี และผ่านการลงทะเบียน พร้อมทั้งมีข้อห้ามเด็ดขาดในการให้บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การถ่ายทอดการเล่น และการโฆษณาเชิญชวน รวมถึงกำหนดบทลงโทษสูงสุดถึงจำคุก 5 ปีสำหรับผู้ลักลอบเปิดกาสิโน