ผ่าเกมขึ้นภาษีทรัมป์ พลิกโฉมโลก 3 ฉากทัศน์ใหญ่ที่ไทยต้องเร่งทำ

10 ก.พ. 2568 | 19:05 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.พ. 2568 | 19:35 น.

ฐานเศรษฐกิจ สัมภาษณ์พิเศษ รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศและความมั่นคง มองเกม ปธน.ทรัมป์ ขึ้นภาษีระลอกใหม่พลิกโฉมการค้าโลก กับ 3 ฉากทัศน์ใหญ่ที่ประเทศไทยควรต้องเร่งทำ

ทั่วโลกจับตาการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประเด็นการเตรียมประกาศ “ภาษีเท่าเทียม” โดยเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากับหลายประเทศเพื่อให้มีอัตราภาษีเท่ากับสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งแน่นอนว่า หากการดำเนินการดังกล่าวถูกประกาศออกมาเป็นทางการแล้ว จะส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจ-การค้าโลกในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และประเทศไทยก็คงหนีไม่พ้นสถานการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน

ฐานเศรษฐกิจ มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศและความมั่นคง โดยวิเคราะห์สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากผลพวงของการดำเนินนโยบายของสหรัฐฯ อย่างน่าสนใจว่า ตอนนี้หลายประเทศกำลังจับตาดูว่าสหรัฐฯ จะเปิดเผยบัญชีรายชื่อประเทศอะไรออกมาเพิ่มเติม ซึ่งกรณีนี้หลายฝ่ายก็มีความกังวลอย่างมาก เพราะยังไม่สามารถประเมินผลกระทบออกมาได้อย่างชัดเจน

 

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศและความมั่นคง

 

“ในภาพรวมหลายฝ่ายเป็นกังวลว่า ในระยะสั้น กำแพงภาษีอาจจะไม่ช่วยให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าที่ถูกลง แต่ในทางกลับกัน ผู้ที่ค้าขายอาจจะผลักภาระให้กับผู้บริโภค และยังคงส่วนแบ่งกำไรเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะน้อยลง รวมทั้งเมื่อขึ้นไปแล้วก็ไม่น่าจะช่วยให้เงินเฟ้อลดลงด้วยซ้ำ ดังนั้นในระยะสั้นคงต้องดูว่าราคาสินค้าจะแกว่งขึ้นขนาดไหน” รศ.ดร.ปณิธาน ระบุ

ส่วนในระยะปานกลาง การปรับขึ้นภาษีบางรายการของสหรัฐฯ อาจจะมีการชะลอการบังคับใช้ไปก่อน เหมือนที่เกิดขึ้นในกรณีของแคนาดาและเม็กซิโก โดยการชะลอการบังคับออกไป อาจจะไปผูกโยงกับเงื่อนไขนโยบายด้านสังคมและความมั่นคง เพื่อเป็นเครื่องมือกดดันไม่ให้ประเทศคู่กรณีปรับเปลี่ยนนโยบายออกมาโต้ตอบ

ขณะที่ในระยะยาว มองว่า ถ้ามีการโต้ตอบกันไปมา หลาย ๆ ประเทศอาจเลือกวิธีผลิตสินค้าใช้ด้วยตัวเอง หรือพึ่งพาประเทศตัวเองมากขึ้น แต่จะสามารถทำได้ถึงขนาดไหน ตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินออกมาได้

 

ผ่าเกมขึ้นภาษีทรัมป์ พลิกโฉมโลก 3 ฉากทัศน์ใหญ่ที่ไทยต้องเร่งทำ

 

“ถ้ามีการโต้ตอบกันไปมายาวนาน ก็อาจมีความเสี่ยงเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 1930 ที่มีการใช้กำแพงภาษีโต้ตอบกันไปมา มีสินค้าเป็นหมื่นรายการ และในช่วงทรัมป์ 1.0 ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว คือการขึ้นภาษีแล้วทำให้ชาวนาอเมริกันสูญเสียรายได้หลายพันล้าน รัฐบาลทรัมป์ตอนนั้นต้องหาเงินมาอุดหนุนชาวนาอเมริกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ดังนั้นหากปล่อยไว้ จึงไม่แน่ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้รุนแรงกว่าเก่ามาก”

ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ-การค้าโลก จะเปลี่ยนไปในทันทีหรือไม่?

รศ.ดร.ปณิธาน มองว่า ในระยะสั้น มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ซึ่งสหรัฐฯ ก็น่าจะรู้ดี เพราะหลายประเทศจะเริ่มลดการพึ่งพาสหรัฐฯ โดยเฉพาะการแสดงความกังวลเกี่ยวกับการพึ่งพาเงินสกุลดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลัก และอาจหันไปพึ่งพาเงินสกุลอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าแทน

“การหันไปยังเงินสกุลอื่นของจีนจะมีความน่าสนใจมากขึ้น หาก ปธน.ทรัมป์ ไปขู่หนัก ๆ การหันไปพึ่งพาเงินสกุลอื่น หรือแนวคิดการทำระบบการเงินของกลุ่ม BRICS ก็มีแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าจีนรู้สึกว่าสัญญาณไม่ดีมากขึ้น เขาก็คงเดินหน้าสร้างระบบที่เป็นอิสระจากสหรัฐฯ และอาจเกิดขึ้นเร็วด้วยซ้ำ เรื่องนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยว่า ถ้าหลายประเทศทำตาม ก็อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบเศรษฐกิจโลก”

อย่างไรก็ดี ณ ปัจจุบัน ภาพของภูมิทัศน์เศรษฐกิจ-การค้าโลก อาจจะยังซับซ้อนอยู่ เพราะการประกาศขึ้นกำแพงภาษีของจีนต่อสหรัฐฯ ยังเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ เพราะการขึ้นภาษีมีมูลค่าไม่มาก และจีนน่าจะยังไม่ตอบโต้เข้มข้นเท่ากับที่สหรัฐฯ ดำเนินการ เนื่องจากสินค้าบางประเภท จีนก็ยังต้องพึ่งพาสหรัฐฯ มากกว่าสหรัฐฯ พึ่งพาจีน

 

ผ่าเกมขึ้นภาษีทรัมป์ พลิกโฉมโลก 3 ฉากทัศน์ใหญ่ที่ไทยต้องเร่งทำ

 

สิ่งที่ประเทศไทยควรต้องเตรียมตัวรับมือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น? 

รศ.ดร.ปณิธาน ประเมินว่า มีสิ่งสำคัญ 3 ประการที่ประเทศไทยต้องเตรียมตัวรับมือ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเกิดขึ้นแล้ว โดยแยกเป็นเรื่อง ๆ ดังนี้

หนึ่ง : รัฐบาลต้องวางมาตรการรองรับผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพราะถ้าสัปดาห์นี้สหรัฐประกาศรายชื่อประเทศออกมา และหากมีชื่อของไทยด้วยก็กระทบแน่ 

สำหรับมาตรการกลุ่มแรกที่ควรทำ เห็นว่า แทนที่รัฐบาลจะเรียกร้องหรือต่อรอง ต้องปรับมาเป็นการหามาตรการลดผลกระทบ และหาทางเลือกใหม่ เพราะแนวโน้มตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก ทั้งบรรยากาศและขวัญกำลังใจที่ยังมีความคลุมเครืออยู่มาก

ดังนั้นรัฐบาลควรหามาตรการลดผลกระทบให้มีความชัดเจน และในที่สุดคงต้องหาเงินก้อนหนึ่งมาช่วยรองรับสถานการณ์ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ลดค่าใช้จ่าย และลดต้นทุนให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ 

 

ผ่าเกมขึ้นภาษีทรัมป์ พลิกโฉมโลก 3 ฉากทัศน์ใหญ่ที่ไทยต้องเร่งทำ

 

สอง : รัฐบาลต้องหาแนวทางเชิงรุกในการบริหารจัดการเรื่องนี้ โดยหยิบยกความชำนาญที่ประเทศไทยมีไปเจรจาต่อรอง เช่น การเจรจาเรื่องความมั่นคง หรือใช้การเมืองระหว่างประเทศเป็นตัวนำ เพราะสหรัฐเองก็ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมหลายเรื่องในประเทศไทย เช่น เรื่องความปลอดภัยลุ่มแม่น้ำโขง การซ้อมรบ หรือการเข้ามาซ่อมบำรุงกองเรือบรรทุกเครื่องบิน 

ทั้งนี้เชื่อว่า หากประเทศไทยลองใช้ความชำนาญไปเจรจาต่อรอง จะกลายเป็นผลประโยชน์ และสามารถปรับเปลี่ยนเป็นนโยบายเชิงรุกได้อีกด้วย

สาม : ประเทศไทยอาจจะต้องหาทางเลือกใหม่ ๆ อย่างจริงจัง โดย รศ.ดร.ปณิธาน ประเมินว่า ควรมองให้เห็นถึงอันตรายในระยะยาว ถึงแม้จะไม่มีปธน.ทรัมป์ ดำรงตำแหน่ง โดยอาจจะต้องมีระบบสร้างแรงต่อรองให้แข็งกร้าวมากขึ้น หากเขาขู่มาเราก็ต้องรู้จักการขู่กลับ เช่น ถ้าจะไม่ให้เข้าร่วม BRICS สหรัฐก็ต้องมีสิ่งตอบแทนเป็นตัวเลือกมาให้ประเทศไทยด้วย ซึ่งการต่อรองที่เข้มข้นที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่เคยทำ แต่ถ้าไม่ลองทำก็อาจทำให้เสียโอกาสได้ 

รศ.ดร.ปณิธาน สรุปว่า ท้ายที่สุดก่อนจะไปจุดต่าง ๆ ทั้งสามเรื่อง อยากให้ประเทศไทยลองใช้ความถนัดที่มีเจรจาต่อรอง พร้อมทั้งรอดูท่าทีที่ชัดเจน ควบคู่กับประเมินสถานการณ์ ความเหมาะสม เพราะสหรัฐและเวทีโลกในขณะนี้ อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป