ถอดรหัส 3 มิติ เหตุทรัมป์ฉีกสัญญาข้อตกลงปารีส ส.อ.ท. แนะไทยวางตำแหน่งให้ถูก

23 ม.ค. 2568 | 07:00 น.

ถอดรหัส 3 มิติ เหตุทรัมป์ฉีกสัญญาข้อตกลงปารีส ส.อ.ท. แนะไทยวางตำแหน่งให้ถูก หลังสหรัฐอเมริกาเตรียมเพิ่มผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล ชี้เป็นการพยายามรักษากระเป๋าตนเอง ควบคู่เบรกประเทศจีน

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาถอนตัวจากความตกลงกรุงปารีสแก้ปัญหาโลกร้อน เพิ่มผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล ว่า เรื่องนี้มองได้ 3 มิติ

มิติแรก คือจุดแข็งของสหรัฐอเมริกาคือสำรองพลังงานในส่วนของฟอสซิลจำนวนมาก และมีธุรกิจพลังงาน เช่น โรงกลั่นน้ำมันจำนวนมาก ซึ่งเหล่านี้สามารถสร้างจีดีพีได้ ดังนั้นการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามเบรกพลังงานหมุนเวียน (RE) และโปรโมทฟอสซิลต่อไป ก็เพื่อนำสิ่งที่มีมาใช้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีของประเทศ

มิติที่ 2 หากมองประเทศที่มีจุดแข็งของ RE คือ จีน ซึ่งเป็นคู่แข่งด้านสงครามการค้า ภูมิรัฐศาสตร์ซึ่งจีนจะได้ประโยชน์สูงสุด หากทั้งโลกมุ่งหน้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ตามการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP) และจีนพึ่งพาพลังงานฟอสซิลนำเข้า เสียดุลการค้า จึงเดินหน้าโปรโมทพลังงานหมุนเวียนได้ดีกว่าประเทศอื่น

ทั้งนี้ สหรัฐฯมองจีนเป็นคู่แข่ง ดังนั้นการที่ทรัมป์พยายามเบรกการเติบโตพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว จึงหมายถึงการพยายามรักษากระเป๋าตัวเอง พร้อมกับพยายามเบรกจีนด้วย

สำหรับธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่เห็นภาพชัดเจน คือ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) การแข่งขันของทั้งโลก จะพบว่าจีนเข้าทำลายทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาปภายใน โดยแบรนด์อีวีของสหรัฐอเมริกา มีเพียงแบรนด์เทสล่ารายเดียวเท่านั้น และส่วนแบ่งการตลาดก็โดนแย่งไปหมดแล้ว ขณะที่จีนมีหลายแบรนด์และเข้าไปลงทุนในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย 

“สหรัฐฯจึงต้องพยายามรักษาฐานผลิตรถยนต์ของตนเอง รวมทั้งเชื้อเพลิงฟอสซิลให้เป็นที่ต้องการของโลกต่อไป ซึ่งท่าทีนี้ไม่ใช่เพียงสหรัฐฯ แต่ยังรวมถึงพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นด้วย เรื่องนี้ภาคเอกชนมีการวิเคราะห์ว่าทรัมป์ต้องดำเนินการแนวนี้ ต้องทำให้สหรัฐฯยังเติบโตต่อไปทั้งด้านพลังงานฟอสซิลและอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของโลก”

มิติที่3 ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก แต่ในด้านพลังงานของไทยมีความหลากหลาย อย่างฟอสซิลไทยก็มีโรงกลั่นของตนเอง เป็นโรงกลั่นศักยภาพสูง และนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเฉพาะน้ำมันดิบ ขณะเดียวกันไทยก็มีพลังงานทดแทน เช่น เอทานอล ไบโอดีเซล ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง สร้างรายได้ให้ภาคเกษตรกรของไทย

อย่างไรก็ดี อีกประเด็นสำคัญคือ การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (Overlapping Claims Area: OCA) ที่ไทยกำลังดำเนินการร่วมกับกัมพูชา หากทรัมป์ทำให้ทั้งโลกยืดเวลาการใช้ฟอสซิลออกไป จะเป็นประโยชน์กับไทยที่กำลังเดินหน้า OCA เพราะเท่ากับว่าไทยจะสามารถใช้ก๊าซธรรมชาติในแหล่งนี้ได้นานขึ้น จากเดิมหลายฝ่ายกังวลว่าโลกจะเลิกฟอสซิลและอาจทำให้ไทยเสียโอกาสจากการพัฒนา OCA

ด้านศักยภาพพลังงานทดแทนของไทย แม้จะมีวัตถุดิบทั้งแสงอาทิตย์ ลม พืชชีวมวล ที่มีศักยภาพสูง แต่ไทยยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีพลังงานเหล่านี้ อาทิ การนำเข้าแผงโซลาร์ในปริมาณสูง

ดังนั้น จึงมองว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในด้านพลังงาน หากไทยเลือกวางตำแหน่ง กำหนดนโยบายที่สอดรับกับแนวโน้มพลังงานจากทุกฝ่าย จะเป็นประโยชน์กับไทยเอง สามารถเติบโตด้านฟอสซิลได้ เพราะเป็นประเทศที่สามารถบริหารด้านฟอสซิลได้ดี มีการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติขึ้นผลิตไฟฟ้า ผลิตปิโตรเคมี 

อีกทั้งยังมีศักยภาพในการผลิตพลังงานหมุนเวียน ซึ่งนโยบายของทรัมป์จะทำให้ต้นทุนเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนราคาถูกลง ยิ่งส่งผลดีต่อประเทศไทย เช่น แผงโซลาร์ถูกลง ทำให้แนวโน้มการติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อผลิตไฟใช้เองเติบโตยิ่งขึ้น จากต้นทุนที่ลดลง

อย่างไรก็ตามปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Emission) ของไทยที่รัฐบาลพยายามดำเนินการแก้ปัญหาอยู่ ในด้านยานยนต์นั้น นอกจากการมุ่งมีรถยนต์ส่วนตัว แม้จะเป็นอีวี  แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมุ่งพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่มีศักยภาพ ทั้งการขนส่งคน และสิ่งของ 

นายอิศเรศ กล่าวอีกว่า หนึ่งแนวทางที่น่าสนใจคือ การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ หรือ MTO (Multimodal Transport Operator)เป็นรูปแบบการขนส่งสินค้า หรือเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีลักษณะการขนส่งหลายรูปแบบมาผสมผสานกัน ภายใต้ผู้ให้บริการขนส่งรายเดียว ซึ่งจะต้องรับผิดชอบตั้งแต่สินค้าต้นทางไปถึงผู้รับปลายทาง

การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ มุ่งเน้นให้เกิดประสิทธิภาพด้านต้นทุน เมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งทางถนน โดยการขนส่งประเภทนี้จะให้ความสำคัญต่อประเภทการขนส่งหลัก ได้แก่ การขนส่งทางรถไฟ หรือการขนส่งทางน้ำ โดยจำกัดระยะทางในการขนส่งทางถนนให้น้อยที่สุด รวมถึงการใช้ในระยะทางสั้นๆในช่วงต้นทางหรือในช่วงการส่งมอบสินค้าปลายทาง เป็นลักษณะของการขนส่ง ที่เรียกว่า Door to Door Delivery คือ การขนส่งจากประตูจนถึงประตู หรือ การขนส่งจากต้นทางไปถึงผู้รับปลายทาง

"จากนโยบายพลังงานของทรัมป์ หากไทยวางตำแหน่งให้ถูก จะได้ประโยชน์ทั้งจากการขยายฟอสซิล และยังเดินหน้าพลังงานทดแทนได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ในการใช้พลังงานเพื่อการขนส่ง หากใช้แนวทางที่สร้างประโยชน์สูงสุด ลดใช้พลังงานสูงสุด จะเพิ่มศักยภาพโลจิสติกส์ไทยแน่นอน"