ผลผลิตหอมแดง เพิ่มขึ้น 2.69% "พาณิชย์" เร่งสร้างมูลค่าเพิ่ม ดันส่งออก

20 ม.ค. 2568 | 10:22 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ม.ค. 2568 | 11:08 น.

"พาณิชย์" เผยผลผลิตหอมแดงปี 67/68 คาดเพิ่มขึ้น 2.69% ขณะที่ส่งออก 11 เดือนปี 67 โต 19.59% เร่งสร้างมูลค่าเพิ่ม เจาะโอกาสการส่งออกหอมแดงไทย

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าหอมแดงของไทยอย่างต่อเนื่อง ในการติดตามเฝ้าระวังช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด เชื่อมโยงและกระจายหอมแดงออกนอกแหล่งผลิต 

ทั้งนี้ การผลิตหอมแดงของไทย โดยข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปีเพาะปลูก 2566/67 มีปริมาณผลผลิต 148,239 ตัน ลดลงร้อยละ 0.72 จากปีก่อนหน้า แหล่งเพาะปลูกสำคัญ ได้แก่ 

  • ศรีสะเกษ ร้อยละ 51.77 ของผลผลิตทั้งหมด เชียงใหม่ ร้อยละ 21.78
  • อุตรดิตถ์ ร้อยละ 5.21
  • พะเยา ร้อยละ 4.42
  • อื่น ๆ ร้อยละ 16.82

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์

สำหรับปีเพาะปลูก 2567/68 คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิต 152,221 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.69 จากปีก่อนหน้า

สำหรับปีเพาะปลูก 2567/68 คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิต 152,221 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.69 จากปีก่อนหน้า

ขณะเดียวกัน สถานการณ์การค้า ในปี 2566 ไทยส่งออกหอมแดง ปริมาณ 15,324 ตัน เป็นมูลค่า 12.10 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 29.38 จากปีก่อนหน้า โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ 

  • มาเลเซีย ร้อยละ 48.31 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด 
  • เวียดนาม ร้อยละ 18.28
  • สิงคโปร์ ร้อยละ 12.53
  • เกาหลีใต้ ร้อยละ 7.51
  • อื่น ๆ ร้อยละ 13.38

ผลผลิตหอมแดง เพิ่มขึ้น 2.69% \"พาณิชย์\" เร่งสร้างมูลค่าเพิ่ม ดันส่งออก

สำหรับช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม – พฤศจิกายน) ไทยส่งออกหอมแดงปริมาณ 14,728 ตัน มูลค่า 12.11 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 19.59 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 

นอกจากนี้ มาเลเซีย ตลาดส่งออกหลักของไทย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซีย ได้เผยแพร่รายงาน Supply and Utilization Accounts (SUA) of Selected Agricultural Commodities (2019-2023) ระบุว่า หอมแดง หอมหัวใหญ่ และกระเทียม เป็นกลุ่มสินค้าเกษตรที่มาเลเซียพึ่งพาการนำเข้าเพียงอย่างเดียว 

ทั้งนี้ ในปี 2566 ความต้องการใช้หอมแดงของมาเลเซียอยู่ที่ 39,824 ตัน และชาวมาเลเซียบริโภคหอมแดงเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ขณะที่ กระทรวงเกษตรและความมั่นคงทางอาหารของมาเลเซีย จึงได้พัฒนาการปลูกหอมหัวใหญ่และหอมแดง เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนี้

  • ระยะก่อนการค้า (ปี 2567 – 2568) จะสำรวจศักยภาพการปลูก จัดหาเมล็ดพันธุ์ พร้อมทั้งกำหนดและพัฒนาพื้นที่ปลูกจำนวน 100 เฮกตาร์ โดยในระยะนี้ ตั้งเป้าจะผลิตหอมหัวใหญ่และหอมแดง 1,000 ตัน 
  • ระยะการค้า (ปี 2569 – 2573) จะพัฒนาพื้นที่ปลูก 1,347 เฮกตาร์ โดยคาดว่าจะมีปริมาณผลผลิต 14,470 ตัน ตอบสนองต่อความต้องการในประเทศได้ร้อยละ 30 ภายในปี 2573

 

ผลผลิตหอมแดง เพิ่มขึ้น 2.69% \"พาณิชย์\" เร่งสร้างมูลค่าเพิ่ม ดันส่งออก

สำหรับอินโดนีเซีย หอมแดงถือเป็นสินค้าผักสำคัญในภาคเกษตร หน่วยงานอาหารแห่งชาติของอินโดนีเซีย (Bapanas) ตั้งเป้าหมายให้อินโดนีเซียเป็นผู้นำการผลิตหอมแดง ที่จะมีผลผลิตปีละ 1.35 ล้านตัน 

ขณะที่ความต้องการบริโภคภายในประเทศอยู่ที่ 1.16 ล้านตัน แสดงถึงการมีผลผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศและสำหรับการส่งออก ในปี 2566 การส่งออกหอมแดงของอินโดนีเซียไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นไปในทิศทางที่ดี และการส่งออกไปมาเลเซียก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยส่งออกได้มากถึง 612.8 ตัน จากเพียง 59.6 ตัน ในปี 2564 

โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า กระทรวงพาณิชย์เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดูแลการค้าให้มีประสิทธิภาพ ให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ราคาที่เป็นธรรมและคุ้มต้นทุน โดยได้ประสานผู้ประกอบการและผู้ส่งออกเข้าไปรับซื้อเพื่อกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต รณรงค์การบริโภคและเปิดจุดจำหน่ายให้ประชาชนเข้าถึงง่ายขึ้น และได้ผลักดันหอมแดงศรีสะเกษซึ่งเป็นสินค้าที่ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) นำไปใช้รังสรรค์เมนูอาหารที่หลากหลาย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสนับสนุนการสร้างรายได้ให้เกษตรกร

 

ผลผลิตหอมแดง เพิ่มขึ้น 2.69% \"พาณิชย์\" เร่งสร้างมูลค่าเพิ่ม ดันส่งออก

ขณะที่ หอมแดงไทยเป็นสินค้าคุณภาพดี มีความต้องการใช้อย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมอาหารและยา โดยมีสรรพคุณทางยาที่ใช้ในตำรับยาสมุนไพร อีกทั้งรัฐบาลให้ความสำคัญในฐานะพืชเกษตรเศรษฐกิจ 

อย่างไรก็ตาม หอมแดงยังเผชิญความท้าทายด้านต้นทุนการผลิต การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการจัดการผลผลิตในช่วงที่ออกสู่ตลาดมาก การพัฒนาการค้าสินค้าหอมแดง จึงควรส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาการเพาะปลูกและการเก็บรักษาที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน รวมถึงสนับสนุนการแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้าที่สอดรับกับความต้องการของตลาด อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและคว้าโอกาสการส่งออกได้เพิ่มขึ้น