สภาพัฒน์ แนะ “บ้านเพื่อคนไทย” นำร่องบางซื่อ กม.11 พ่วง มักกะสัน-สถานีแม่น้ำ

จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 อนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้กระทรวงคมนาคม เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย วงเงิน 166 ล้านบาท บนพื้นที่ทั้ง 4 แห่ง คือ  พื้นที่บางซื่อ กม.11, เชียงราก, สถานีธนบุรี และสถานีเชียงใหม่ นั้น

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้นำเสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า เห็นควรให้ความเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 166 ล้านบาท เพื่อสำหรับใช้ในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย 

สำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยคุณภาพในทำเลที่มีศักยภาพใกล้กับสถานี รถไฟและสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะทางรางเพื่อเข้า - ออก พื้นที่ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม โดยบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ให้ความสำคัญกับการศึกษาศักยภาพการพัฒนาของที่ดินแต่ละแห่งอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ที่หน่วยงานรับผิดชอบได้มีการศึกษา/จัดทำไว้ 

ทั้งนี้เพื่อให้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายและรูปแบบที่อยู่อาศัยของโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทการพัฒนาพื้นที่แบบองค์รวม ซึ่งจะทำให้การพัฒนาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง อาทิ พื้นที่ กม.11 ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง รวมถึงพื้นที่อื่น ๆ เช่น มักกะสัน สถานีแม่น้ำ เป็นต้น

นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย สามารถสนับสนุนเป้าหมายการให้ความช่วยเหลือ ด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาดำเนินการดังนี้

1. ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อพิจารณาตรวจสอบข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย ตำแหน่งที่ตั้ง และรูปแบบโครงการ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อแผนงาน/โครงการ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของการเคหะแห่งชาติ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เพื่อให้การจัดทำแผนการพัฒนาของโครงการฯ มีความเหมาะสมและสอดคล้องกัน 

รวมทั้งช่วยสนับสนุนเป้าหมายภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้าง ความมั่นคงในที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมและยั่งยืนสำหรับทุกคน

2. กำกับให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เร่งเตรียมความพร้อมขององค์กร โดยปรับแผนปฏิบัติการให้สามารถรองรับการบริหารโครงการ ทั้งในช่วงระยะก่อสร้างและภายหลังจากเปิดให้บริการแล้ว พร้อมทั้งถอดบทเรียนจากการดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกันกับที่ผ่านมาของหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ การเคหะแห่งชาติ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) 

โดยให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนธุรกิจและกลยุทธ์การตลาด และการกำหนดคุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมายให้มีความเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านรายได้ของโครงการฯ และสามารถให้ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยแก่ประชาชนได้ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป