ปตท. ชี้แนวโน้มพลังงานอนาคตยังท้าทาย หนุนพลังงานสะอาด-ไฟฟ้า

08 มิ.ย. 2565 | 18:23 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มิ.ย. 2565 | 01:29 น.
821

“อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์” แห่งปตท. ยอมรับการเปลี่ยนผ่านเรื่องของพลังงานมีทั้งความท้าทาย เทรนของพลังงานโลกข้างหน้า จะมุ่งอยู่ 2 เรื่อง คือ พลังงานสะอาด และพลังงานไฟฟ้า รับปตท. กำลังผลักดันธุรกิจไปสู่เทรนโลก รองรับการเปลี่ยนแปลง

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานเสวนา TEA FORUM 2022 “Mission Possible: Energy Transition to the Next 2050” ว่า การเปลี่ยนผ่านเรื่องของพลังงานมีทั้งความท้าทาย และเป็นโอกาส ซึ่งเทรนของพลังงานโลกข้างหน้า จะมุ่งอยู่ 2 เรื่อง คือ พลังงานสะอาด และพลังงานไฟฟ้า เป็นหลัก

 

สำหรับเทรนพลังงานในปัจจุบันพบว่า ทั่วโลกมีการใช้พลังงานทั้งถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นสัดส่วน 70% ของพลังงานทุกชนิด แต่ในอนาคตพลังงานเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดความต้องการใช้ลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ่านหิน ปัจจุบันได้ผ่านยุคสมัยที่มีความต้องการใช้ถ่านหินสูงสุดไปแล้ว และในอนาคตจะลดลงในที่สุด 

 

ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำมัน ยังเติบโตอยู่ โดยประเมินว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุดในปี 2575 ส่วนก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบันก็ยังมีความสำคัญ และมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น โดยปตท. ประเมินว่า ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ จะโตถึง 20% ในปี 2583 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีอยู่ 13% 

“ปัจจุบันเรื่องของพลังงานทั้งในโลกและประเทศไทย กำลังเจอความท้าทาย จึงต้องบาลานซ์ให้ดีและเหมาะสม ทั้งความมั่นคงทางพลังงานของแต่ละประเทศและของโลก ต่อมาคือ เรื่องของราคาพลังงาน และสุดท้ายคือ ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ การการมุ่งไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์”

 

อย่างไรก็ตามเห็นว่า ในเรื่องของความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทยเองนั้น ยังบริหารจัดการได้ค่อนข้างดี แม้ว่าจะผลิตพลังงานเองไม่ได้ หากสถานการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องของสถานการณ์โลก ขณะที่เรื่องของราคาน้ำมัน ดีที่สุด คือต้องประหยัด ซึ่งจะส่งผลถึงปริมาณการผลิตด้วย

 

นายอรรถพล กล่าวว่า ปตท.เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน จึงเตรียมตัวรองรับสิ่งที่เกิดขึ้น เริ่มจาก ธุรกิจถ่านหินจะเลิกแน่นอน ในปี 2565 นี้ ส่วนน้ำมันจะยังไม่มีการซื้อ หรือลงทุนธุรกิจโรงกลั่นเพิ่ม แต่จะปรับปรุงประสิทธิภาพ ให้มีต้นทุนต่ำที่สุด เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติยังคงขยายการลงทุนต่อไป  

ขณะที่พลังงานอนาคตนั้น ปตท.ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้ โดยเริ่มต้นเรื่องของพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) พลังงานไฮโดรเจน และกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจพลังงานไปยังธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจแห่งอนาคตเหมือนกับนโยบายรัฐบาล เช่น ธุรกิจยา อาหารเสริม เครื่องมือทางการแพทย์ โลจิสติกส์ AI และหุ่นยนต์ 

 

ส่วนเป้าหมายของประเทศที่จะมุ่งสู่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero 2065 หรือในปี 2608 เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ ปตท.ตั้งใจประกาศ Net Zero งดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ ให้เร็วกว่าเป้าหมายประเทศ เพื่อนำร่อง และทำให้เป้าหมายใหญ่เกิดขึ้นได้เร็ว ซึ่งรายละเอียดจะประกาศเร็ว ๆ นี้