อคส.ก้าวสู่ปีที่68 พลิกโฉมต้องไร้โกง เร่งสางจำนำข้าว-ฟันคนโกงถุงมือยาง

08 เม.ย. 2565 | 18:42 น.
อัปเดตล่าสุด :09 เม.ย. 2565 | 01:45 น.

อคส.ก้าวสู่ปีที่68 พลิกโฉม ต้องไร้โกง เร่งสางจำนำข้าว-ฟันคนโกงถุงมือยาง  ชูนโยบาย “แก้มลิง++” เดินหน้าพัฒนาคลังสินค้า

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.)  เปิดเผยอคส. ครบรอบ 67 ปีกว้าวสู่ปีที่68   อคส. พร้อมนำยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” มาใช้ จะนำยุทธศาสตร์ “แก้มลิง++” มาสนับสนุน โดยบวกที่ 1 จะใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยเก็บสินค้าเกษตร ซึ่งปัจจุบันได้ร่วมมือกับ สวทช. พัฒนาคลังสินค้าไร้อากาศ การทำแท่นวางสินค้า (Pallet) โดยใช้กากมะพร้าว การใช้เครื่องคัดแยกชนิดและน้ำหนักสัตว์น้ำแทนแรงงานต่างด้าวโดยใช้ AI เป็นต้น และมุ่งสร้างเกษตรแปรรูป

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.)

เช่น ชาวนาปลูกข้าวขายแป้ง ชาวสวนปลูกมะพร้าวขายกะทิ โดย อคส. ได้รับอนุเคราะห์พื้นที่จากธนารักษ์ จังหวัดลพบุรี จำนวน 22 ไร่ จัดสร้างคลังข้าวลพบุรี ซึ่งจะมีทั้งโรงอบ โรงสี และโรงโม่แป้ง พร้อมสร้างการตลาดรองรับซึ่งปัจจุบันมีแล้วกว่า 2,000 ตัน

 

เมื่อสร้างเสร็จจะมีคำสั่งซื้อรองรับไม่ต่ำกว่า 50,000 ตัน รองรับปริมาณข้าวพื้นแข็งในจังหวัดลพบุรีและใกล้เคียงได้มากกว่า 150,000 ตันข้าวเปลือก และบวกที่ 2 จะประสานพาณิชย์จังหวัด 77 จังหวัด และทูตพาณิชย์ 58 แห่งทั่วโลก สร้างเครือข่ายการจำหน่ายสินค้าเกษตรแปรรูปทั้งในและต่างประเทศ

อคส.ก้าวสู่ปีที่68 พลิกโฉมต้องไร้โกง  เร่งสางจำนำข้าว-ฟันคนโกงถุงมือยาง

สำหรับคลังสินค้าที่มีอยู่ อคส. จะผลักดันคลังราษฎร์บูรณะ เป็นคลังห้องเย็นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ด้วยศักยภาพรองรับมากกว่า 50,000 ตัน สามารถสร้างรายได้ให้ อคส. ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท เมื่อสร้างเต็มพื้นที่ โดยได้ยื่นอุทธรณ์ขอขยายใบอนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว หากได้รับการอนุญาต จะสร้างประโยชน์อย่างน้อย 3 ประการ คือ อคส. มีรายได้ที่มั่นคงไม่เป็นภาระงบประมาณ เกษตรกร มีห้องเย็นขนาดใหญ่ช่วยในการเก็บรักษาผลผลิตส่วนเกิน ลดแรงกระทบเรื่องผลผลิตราคาตกต่ำ เนื่องจากปริมาณออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก และรัฐบาลมีเครื่องมือที่จะช่วยสนับสนุนในกิจการต่าง ๆ ที่ใช้ห้องเย็น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร หรือเวชภัณฑ์ เช่น วัคซีนป้องกันโรคระบาด เป็นต้น

 

นอกจากนี้ อคส. จะเร่งฟื้นฟูและพัฒนาองค์กรให้กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นแนวหน้าของประเทศผ่านนโยบาย “ซ่อม สร้าง เพิ่ม สะสาง” โดยเตรียมปรับโครงสร้างองค์กร ระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพ การจัดตั้งโรงเรียนกำเนิดคลังซึ่งจะสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพสอดรับกับพันธกิจ และขยายสาขาคลังสินค้า ไม่ว่าจะเป็นคลังแพะ กระบี่ คลังกระท่อม พัทลุง คลังสัตว์น้ำ ในหลายจังหวัดครอบคลุมถึงภาคอีสาน รวมถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้ และอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนสร้าง Cold chain ทั่วประเทศ รวมถึงการเจรจาสร้างคลังสินค้าร่วมทุนในประเทศเมียนมา และประเทศอื่น ๆ
         
ส่วนงานที่ต้องสะสาง โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว ที่ยังมีข้าวในคลังกว่า 200,000 ตัน ตั้งเป้าระบายให้หมดทุกเมล็ดภายในก.ย.2565 แต่การระบายข้าวโพดและมันสำปะหลัง โครงการปี 2551 ได้ทำเสร็จสิ้นเมื่อก.ย.2564 ที่ผ่านมา และยังมีโครงการอีกกว่า 30 โครงการของรัฐ ที่ยังปิดบัญชีไม่เสร็จสิ้น ก็จะเร่งดำเนินการให้เสร็จ รวมถึงการสะสางคดีการทุจริตถุงมือยาง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอชี้มูลจาก ป.ป.ช. และ ปปง. ซึ่ง อคส. พร้อมนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ต่ำกว่า 4 คดี ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งโดยกฎหมายความรับผิดทางละเมิด (คลัง) คดีอาญาทุจริต (ป.ป.ช.) คดีแพ่งและคดีอาญาฟอกเงิน (ปปง.) โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด และไม่มียกเว้น