อคส.ผุดตั้งคลังสินค้าในเมียนมารอบ62ปี

06 มี.ค. 2565 | 11:21 น.
อัปเดตล่าสุด :06 มี.ค. 2565 | 18:27 น.

อคส.ผุดตั้งคลังสินค้าในเมียนมารอบ62ปี ใช้เป็นแหล่งกระจายสินค้าไทย  พร้อมเล็งตั้งในจีน อินเดีย ชาติอาหรับ และเพิ่มสาขาในไทยด้วย พร้อมลุยพัฒนาคลังสินค้า เพิ่มรายได้

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา อคส.ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท Maha Shwe Ngwe จำกัด จากประเทศเมียนมา เพื่อร่วมกันหาช่องทางร่วมลงทุนสร้างคลังกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคในเมียนมา

ายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.)
เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของภาคเอกชนไทย รวมถึงผลักดันยอดส่งออกสินค้าไทย แก้ปัญหาการค้าชายแดนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด รวมถึงรองรับการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ในตลาดเมียนมา โดยถือเป็นการขยายสาขาคลังสินค้าในต่างประเทศของ อคส.เป็นแห่งแรก นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2498 เป็นต้นมา หรือในรอบ 62 ปี 
 

 

โดยหลังจากที่ลงนาม MOU กับเมียนมาแล้ว อคส .เตรียมตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐเอกชน เพื่อเดินหน้าโครงการอีก โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการเจรจากับประเทศอื่น ๆ เช่น จีน อินเดีย และประเทศในกลุ่มอาหรับ เพื่อช่วยสนับสนุนให้มีการส่งสินค้าไทยไปประเทศดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นในรูปแบบ Just-in-Time สร้างความได้เปรียบ และแตกต่างจากประเทศคู่แข่งให้เอกชนไทย

อคส.ผุดตั้งคลังสินค้าในเมียนมารอบ62ปี

ทั้งนี้ อคส. ยังมีแผนการร่วมมือส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองกับเมียนมา ซึ่งไทยต้องนำเข้าปีละกว่า 2 ล้านตัน และกากถั่วเหลืองสำหรับผลิตอาหารสัตว์อีกกว่าปีละ 2 ล้านตัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความมั่นคงทางด้านวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้กับเกษตรกรไทย ที่สำคัญ ไม่ถือว่าเป็นการทำการค้าแข่งกับภาคเอกชนของไทย เพราะไทยมีผลผลิตถั่วเหลืองน้อยมากไม่ถึงปีละ 0.1 ล้านตัน เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยในการปลูกเมื่อเทียบกับเมียนมา 

อคส.ผุดตั้งคลังสินค้าในเมียนมารอบ62ปี

นอกจากนี้อคส.ยังมีแผนที่จะนำพื้นที่คลังสินค้าราษฎร์บูรณะ ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มาสร้างรายได้ ล่าสุดอยู่ในระหว่างการขอขยายใบอนุญาตทำห้องเย็นเก็บสินค้า หากได้รับการอนุมัติและสร้างห้องเย็นใหม่ ๆ เต็มพื้นที่ จะสามารถรองรับสินค้าได้กว่า 50,000 ตัน และจะพลิกฟื้นฐานะของ อคส. ให้กลับมามีกำไร รวมทั้งยังสร้างเม็ดเงินลงทุนต่อเนื่องให้ อคส. ได้มากกว่า 8,000 ล้านบาท จากการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของคลังราษฎร์บูรณะเมื่อสร้างเต็มพื้นที่   
รวมถึงจะเร่งเพิ่มสาขาที่คลังข้าวลพบุรี ซึ่งเป็นที่ดินของธนารักษ์ 22 ไร่ สามารถสร้างโรงอบ โรงสี โรงแป้งข้าวเจ้าได้ ซึ่งจะบรรลุเป้าหมายชาวนาปลูกข้าวขายแป้ง และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร 

อคส.ผุดตั้งคลังสินค้าในเมียนมารอบ62ปี         
ขณะเดียวกัน มีแผนที่จะเพิ่มสาขาของ อคส. ในภูมิภาคอื่น ๆ เช่น คลังแพะ ที่ จ.กระบี่ , คลังวัว จ.สุรินทร์, คลังอาหารทะเล จ.อุดรธานี เป็นต้น รวมถึงพัฒนาทรัพย์สินเดิมของ อคส. เช่น คลังธนบุรี คลังปากช่อง และคลังบัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเตรียมนำรายละเอียดของโครงการต่างๆ เสนอให้คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) อคส.) พิจารณาเห็นชอบเร็ว ๆ นี้