สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ดำเนินมาครบ 3 ปี และก้าวสู่ปีที่ 4 มีทิศทางคลี่คลายลง หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐรับหน้าเสื่อเป็นกาวใจในการยุติสงคราม ทั่วโลกลุ้นและจับตาอีกไม่นานนับจากนี้ สงครามรัสเซีย-ยูเครนน่าจะยุติลงได้
สำหรับ รัสเซีย และ ยูเครน ถือเป็นอีกสองคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยในปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่สงครามได้เปิดฉากขึ้น (เมื่อวันที่ 24 ก.พ.) การค้าไทย-รัสเซียมีมูลค่ารวม 64,557 ล้านบาท ขยายตัวลดลงถึง 26% เมื่อเทียบกับปี 2564 ก่อนจะมีสงคราม ส่วนการค้าไทย-ยูเครน มีมูลค่า 3,585 ล้านบาท ขยายตัวลดลงถึง 72% เมื่อเทียบกับปี 2564 ก่อนจะมีสงคราม
ในปี 2567 ล่าสุด การค้าไทย-รัสเซีย มีมูลค่ารวม 55,835 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปี 2566 แต่มูลค่าการค้ายังไม่ขึ้นไประดับใกล้เคียงกับปีก่อนเกิดสงคราม ส่วนการค้าไทย-ยูเครนปี 2567 มีมูลค่ารวม 17,265 ล้านบาท ขยายตัว 254% เมื่อเทียบกับปี 2566
โดยกลุ่มสินค้าสำคัญที่ทำให้การค้าไทย-ยูเครน ขยายตัวเพิ่มขึ้น อยู่ในกลุ่มสินค้ารถยนต์, อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป, ผลไม้กระป๋องและแปรรูป, อาหารสัตว์เลี้ยง, เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ ที่ไทยส่งออกไปยูเครนได้เพิ่มขึ้นในระดับมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ ในแต่ละกลุ่มสินค้าที่กล่าวมา ส่วนกลุ่มสินค้าที่ไทยมีการนำเข้าจากยูเครนเพิ่มขึ้นมาก ในปี 2567 ได้แก่ พืช และผลิตภัณฑ์จากพืช นมและผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น
ทั้งนี้หากสงครามสงบลง และไทยสามารถเร่งฟื้นฟูการค้ากับทั้งสองประเทศได้ จะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทยได้อีกทางหนึ่ง จากที่ตลอดทั้งปีนี้ การส่งออกของไทยตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน แม้การส่งออกไทยไปทั่วโลกในเดือนมกราคม เดือนแรกของปี 2568 ยังขยายตัวที่ 13.5% (รูปดอลลาร์สหรัฐ)
เฉพาะอย่างยิ่งการค้ากับสหรัฐอเมริกา ที่เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้า โดยเล็งเป้าไปที่ประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐมาก โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยง
มีสินค้ามากกว่า 29 รายการที่ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐอยู่ในโผ ล่าสุดสหรัฐได้ทยอยเตรียมปรับขึ้นภาษีเหล็กและ อลูมิเนียม รถยนต์ ในอัตรา 25% และมีสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ เวชภัณฑ์ และอื่น ๆ อยู่ในลำดับถัดไป
ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงการส่งออกไทยไปสหรัฐในปีนี้ อาจจะขยายตัวลดลง (ปี 2567 ไทยส่งออกไปสหรัฐ 1.92 ล้านล้านบาท ขยายตัว 16% และเดือน ม.ค. 2568 ล่าสุดส่งออกได้ 1.63 แสนล้านบาท ขยายตัว 20%) มีเสียงเรียกร้อง และคำแนะจากภาคเอกชนว่า ไทยต้องเร่งตั้งวอร์รูมร่วมภาครัฐ-เอกชน เพื่อประสานการทำงาน และเจรจาต่อรองผลประโยชน์กับสหรัฐ เพื่อยังคงไม่ขึ้นภาษีสินค้าไทย
การเร่งเจาะตลาดเก่าและเจาะตลาดใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่สหรัฐเพิ่มขึ้น การเร่งเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ใหม่ ๆ เช่น ไทย-สหภาพยุโรป ไทย-กลุ่ม GCC เป็นต้น
รวมถึงชูประเทศไทยเป็นชาติการค้า (Trading Nation) มีความเป็นกลางทางการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อลดแรงกดดันจากโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นนักเจรจาต่อรอง
ท่ามกลางสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง สงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่มีการหยุดยิงแล้ว ถือเป็นสองสงครามใหญ่ที่ต่อสู้กันด้วยอาวุธจริง ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการค้าโลกต่อเนื่องจากวิกฤตโควิด-19 สร้างความหวังของคนทั่วโลกในการ “เปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามการค้า” และ คาดหวังการส่งออกของไทยจะยังขยายตัวต่อเนื่อง แต่มีศึกใหม่ คือ สงครามการค้าโลกในยุค ทรัมป์ 2.0 เป็นผู้จุดชนวน
ดังนั้นจึงฝากความหวังไว้ที่รัฐบาลไทย จะเป็นผู้ดับไฟนี้ตั้งแต่ต้นลมในเร็ววัน
หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,074 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม พ.ศ. 2568