“คน” 

23 พ.ค. 2564 | 12:46 น.
863

"คน" : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง ฐานเศรษฐกิจ หน้า 6 ฉบับ 3681 ระหว่างวันที่ 23-26 พ.ค.2564  โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล    

วัยเด็กผมอ่านปรัชญา รุสโซ ชี้ว่า “เราศึกษาคนมากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งรู้จักคนน้อยลงเท่านั้น” ผมนั่งหลับตาคลำอวัยวะช้างเกือบครบทุกส่วน ฮ่าๆ! ตีความตามประสาวัยประถมที่โดนหลายลมหลายแดดว่า “เราวางกรอบได้ว่าคนเป็นอย่างไร แต่ไม่ควรจะกำหนดตายตัวว่า คนต้องมีลักษณะอย่างนี้เท่านั้น!” 

จัดตัวละครใส่ลงในกระทู้ก็จะเข้าใจ “เราศึกษาเมียมากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งรู้จักเมียน้อยลงเท่านั้น?” โซคราติส อยู่กับ ภรรยา ก็เพราะเห็นว่า น่ารัก ไม่ช้าไม่นาน ภรรยา ก็ก่นด่าแล้วเทน้ำในกาละมังใส่ โซคราติส โซคราติส หัวเราะ แล้วพูดให้คนใกล้ชิดได้ยินว่า “หลังจากฟ้าคำรามมันจะมีฝนตกเป็นธรรมดา” ฮาๆ!

ในมุมกลับกัน “เราศึกษาสามีมากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งรู้จักสามีน้อยลงเท่านั้น” จีบกันใหม่ๆ รายไหนก็รายนั้น หนุ่มจะทำตัวเป็น สุภาพบุรุษ อยู่กันโควิดยังไม่ทันจะซา หนุ่ม ก็จะกลายพันธุ์เป็น สภาพบุรุษ ไม่ขันน็อต สระอุ หลุดหาย เถียงกันมาด่ากันไป หนุ่ม ประทับ มาตรา 5 ลงบนแก้ม สาว แดงปูดนูนเป็นรูปฝ่ามือเห็นๆ

เคยเจอวัยรุ่นสองคนเรียนจบ ป.ตรี ฝีมือ เก่งกันไปคนละอย่าง นิสัย ไปกันคนละแบบ คนแรก จบราม เขาเจอผมก็เดินเข้ามาคุยกับผมว่า “พี่ช่วยหางานให้ผมทำฟรีหน่อยสิ บริษัทไหนก็ได้” ผมก็ถามวัดใจเขาดูว่า “อาสาทำฟรีแล้วจะมีตังค์ใช้เหรอ?” ไม่รู้องค์ไหนลงประทับ ตอบเป็นชุดๆ ยังกะซ้อมแสดงวิสัยทัศน์ก็ไม่ปาน

“แม่ให้ตังค์ผมใช้วันละร้อย วันๆ ก็นั่งรถเมล์มาพบปะกับพรรคพวกก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า คิดไปคิดมาขออาสาทำงานฟรีดีกว่า ถึงแม้จะไม่ได้เงินค่าตอบแทนก็ได้เพื่อนเพิ่ม บริษัทบางแห่งลงทุนกู้ธนาคารเป็นพันล้านลงมือประกอบการไปสักพัก ก็ได้รับประสบการณ์มาคำหนึ่ง คือ รวย บริษัทบางรายลงทุนกู้ธนาคารเป็นพันล้านลงมือทำงานแทบตายได้พบประสบการณ์มาคำเดียว คือ เจ๊ง เราทำงานฟรีมีความเสี่ยงน้อยมาก ลงทุนด้วยความคิดกับแรงงานและเวลา ถ้าไม่เอาต้นทุนเหล่านี้มาต่อยอดมันก็จะสูญเปล่าไปเฉย ทำงานฟรีไปสักช่วงถ้าดวงดีก็ได้รู้จักกับผู้ใหญ่ เผลอๆ ประจวบเหมาะเขากำลังจะเปิดรับตำแหน่งเพิ่มอยู่พอดีสักสองสามตำแหน่ง ผมนี่ขอเก้าอี้ตัวที่สามก็แฮปปี้แล้ว” 

ผมถามแบบขอความรู้กันเลยว่า “จะขอทั้งทีทำไมถึงไม่เอาตัวที่หนึ่งหรือที่ตัวที่สอง?” ไอ้น้องเขาตอบแบบเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจผมเลยว่า “ตัวที่หนึ่งน่ะเป็นของคนเก่งที่เขาวางสเปคเอาไว้ ตัวที่สองเป็นของเด็กเส้นลูกท่านหลานเธอ พี่เอ๊ย…ได้ตัวที่สามก็เป็นบุญคุ้มหัวผมแล้ว สมมุติว่าทำงานฟรีไปสี่เดือนก็ไม่มีตำแหน่งอะไรให้เลยก็ไม่เป็นไร เราเสาะหาที่อื่นไปด้วย ถ้ามีที่ไหนเปิดสอบผมจะขอปรึกษากับฝ่ายบุคคล เพื่อขอใบรับรองสักหนึ่งใบ ขอให้รับรองว่าเราเรียนรู้ไวและสามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดีเขาให้แค่นี้ก็เป็นเกียรติบัตรล้ำค่าแล้วล่ะพี่ เอกสารแบบนี้ขอกันได้แต่ไม่มีขายแน่นอน”

มิน่า! กูรูนิรนามถึงได้โพสต์คติพจน์เอาไว้ว่า ถ้าไม่อยากเป็นคนงั้นๆ จงทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ

วัยรุ่นคนที่สองนี่อีหลีโป๊ะแตกเลยแหละ ดร.ผาณิต กันตามระ เล่าให้ฟังว่า “ลูกของเพื่อนพี่ จบ ป.ตรี แม่เขามีเพื่อนเยอะ เจอกันก็ถามเพื่อนๆ ที่สนิทกันว่า ที่บริษัทเธอมีตำแหน่งว่างไหมอ่ะ ลูกฉันได้รับปริญญาแล้ว เพื่อนซี้คนหนึ่งบอกว่า เดี๋ยวเปิดตำแหน่งใหม่ให้เลย ช่วงทดลองงานนี่สตาร์ทที่เจ็ดพันห้านะ จู่ๆถ้าให้หมื่นหนึ่งประเดี๋ยวคนเก่าเขาจะเหล่เอา แม่ดีใจกลับไปถึงบ้านก็เล่าให้ลูกฟัง ลูกส่ายหน้าปฏิเสธไม่รับมุก แม่ก็ถามว่าแบบงงๆ ว่า งานช่วงนี้หายากนะลูก ทำไมถึงไม่สนใจอ่ะ ลูกคนโปรดบอกกับแม่ว่า โฮ่ย! ผมไปเรียนแต่ละวัน แม่ให้ตังค์ผมวันละสามร้อย เดือนหนึ่งก็ปาเข้าไปตั้งเก้าพันแล้วอ่ะ เจ็ดพันห้า…กระจอก!”
 

บิลเกตส์ บอกว่า “อย่าเพิ่งไล่คนที่ขี้เกียจออก เวลามีงานที่ยุ่งยากต้องให้เขาช่วย เขาจะคิดไวว่าทำยังไงถึงจะเสร็จเร็ว เพราะเขาเองก็ขี้เกียจที่จะทำนานๆ!” 

ผมนั่งทานข้าวไข่เจียวจานโปรดอยู่ในร้านอาหารตามสั่งใกล้กับโต๊ะ เมียพระอภัย โต๊ะเธอมีถ้วยที่ลูกค้าคนเก่าสั่งมาทานซ้อนกันเลอะเทอะอยู่สองสามใบ จู่ๆ เมียพระอภัย เอาถ้วยซกมกบนโต๊ะเธอย้ายข้ามห้วยมาวางไว้บนโต๊ะผมแล้วเดินย้ายก้นรถถังกลับไปนั่งหน้าตาเฉย ดีนะที่เจ้าของร้านเขาตาไวรีบเดินฉับๆ มาเก็บถ้วยส่งไปหลังร้าน ผมเห็นแล้วก็เฉยไว้ ไม่ได้ปลงว่าคนเราไม่เหมือนกัน เอาแค่คิดทันว่าไข่เจียวมันจะเย็นเสียก่อนก็พอ! 

เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายคลิปไว้ ไม่งั้นจะส่งให้ท่าน บิลเกตส์ เผื่อจะรับไว้เป็นพนักงานอีกสัก “หนึ่งตน”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :