ฉายา... ติเพื่อก่อ

30 ธ.ค. 2563 | 15:50 น.
1.3 k

ฉายา... ติเพื่อก่อ : คอลัมน์อินไซด์สนามข่าว โดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,640 หน้า 10 วันที่ 31 ธันวาคม 2563 - 2 มกราคม 2564

ก่อนสิ้นปีเก่าแบบนี้ทุกปี สื่อมวลชนแต่ละสายข่าวจะมีการ “ตั้งฉายา” แสบๆ คันๆ ให้กับ คีย์แมนคนสำคัญ และไม่ใช่คนสำคัญในสายข่าวนั้นๆ เป็นการประมวลการทำงานในรอบปี ปีนี้ก็เช่นกัน ที่ฮือฮาเสมอ ทั้งสื่อสายตำรวจ สายรัฐสภา และ ทำเนียบรัฐบาล 

 

เริ่มจาก นักข่าวสายอาชญา กรรม ตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2563 โดยมีการเสนอรายชื่อนายตำรวจเข้ามา และทำการคัดเลือกเหลือเพียง 11 นาย ไฮไลท์คือ เบอร์ 1 ของสีกากี “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” ได้รับฉายาว่า “ผบ.หลบฉาก” พร้อมกับมีคำอธิบายว่า 

 

เนื่องจากเป็นนายตำรวจมากฝีมือ การก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งสูงสุดขององค์กรตำรวจ ได้ตั้งความหวังให้กับพี่น้องประชาชนถึงการทำงานของตำรวจยุคใหม่ โดยเฉพาะการคลี่คลายคดีที่สังคมให้ความสนใจ เช่น คดีการหายตัวไปของน้องชมพู่ แต่จนแล้วจนรอดยังสร้างความแคลงใจให้กับสังคมถึงการหายตัวไปของน้องชมพู่ จนทุกวันนี้ยังไร้คำตอบ และยังไม่ค่อยเห็นการชี้แจงถึงความคืบหน้าในคดีต่างๆ และคอยหลบการให้สัมภาษณ์จากสื่อมวลชน มีเพียงการมอบหมายให้ทีมงานโฆษกชี้แจงเท่านั้น จึงเป็นที่มาของฉายา ผบ.หลบฉาก

 

 

ฉายา... ติเพื่อก่อ

 

 

ถัดมาเป็น สื่อมวลชนสายรัฐสภา ให้ฉายา “สภาผู้แทนราษฎร” เป็น “ปลวกจมปลัก” ส่วน วุฒิสภา ได้ฉายา “สภาปรสิต” ขณะที่ “ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ได้ฉายาว่า ครูใหญ่ไม้เรียวหัก

 

พร้อมคำอธิบายว่า ทุกครั้งที่ ชวน หลีกภัย ขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุมสภา ไม่เคยถูกกังขาถึงความเป็นกลางแม้แต่ครั้งเดียว และตลอดปีที่ผ่านมาก็ยังยึดแนวทางดังกล่าวไว้ได้อย่างมั่นคง นอกเหนือไปจากการ พยายามควบคุมการประชุมสภาแล้ว ประธานสภายังสวมบท “ครูใหญ่” ที่ถือไม้เรียวคอยกวดขันวินัยของส.ส. ที่หย่อนยานอีกด้วย เช่น การตักเตือน ส.ส. ให้สวมหน้ากากในห้องประชุมสภา เพื่อคุมการระบาดของโควิด-19 หรือการขอความร่วมมือ ส.ส. ให้ความสำคัญกับการประชุมสภา เป็นต้น 

 

 

 

แต่ปรากฏว่า ส.ส.การ์ดตกทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการละเลยการสวมหน้ากากอนามัย หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ อย่างขอความร่วมมือ ส.ส.งดนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามารับประทานในห้องประชุมก็ไม่เป็นผล 

 

และที่ร้ายแรงที่สุด คือเหตุการณ์สภาล่ม ซึ่งเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่าต่อให้ประธานสภาจะยึดมั่นหลักการแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ เพราะ ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญ เหมือนกับครูใหญ่ที่มีไม้เรียวและต่อให้ฟาดแรงจนไม้เรียวหักคามือ ส.ส.ก็ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวแต่อย่างใด

 

ข้ามฟากมาที่สื่อทำเนียบรัฐบาล ให้ฉายารัฐบาล “Very กู้” เปรียบเปรยการทำงานของรัฐบาล ที่ต้องกอบกู้ วิกฤติจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 กู้ชีวิตคนไทยให้อยู่รอดปลอดภัย แม้จะยังไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติได้ แต่ก็ยังดีกว่าหลายประเทศ แม้จะไม่ถึงขั้น very good ก็ตาม 

 

ขณะเดียวกัน ผลพวงจากวิกฤติเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องคนไทยที่ต้องแบกรับภาระหนี้สิน และภาวะตกงาน บางคนต้องจากโลกนี้ไปด้วยไม่อาจรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลต้องกู้เงินสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ มาบรรเทาปัญหา

 

 

 

ส่วนหัวหน้ารัฐบาลนายกฯลุงตู่ ได้ ฉายา “ตู่ไม่รู้ล้ม” เป็นการล้อคำ “โด่ไม่รู้ล้ม” ชื่อยาดองชนิดหนึ่ง สรรพคุณคึกคัก กระปรี้กระเปร่าไม่รู้จักเหน็ด เหนื่อย สะท้อนถึงการทำงาน ของนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ว่าจะประสบปัญหา อุปสรรคการเมือง หรือชุมนุมขับไล่ถาโถม ก็ยังยืนหยัดฝ่าฟันอยู่ในตำแหน่งได้ต่อไป 

 

ล้อกับ วาทะแห่งปี “ไม่ออก... แล้วผมทำผิดอะไรหรือ” ซึ่งเป็นคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตอบข้อสักถามสื่อมวลชน พร้อมกับบรรดาคณะรัฐมนตรีที่ยืนเรียงหน้าประกาศความเหนียวแน่น เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังกลุ่มผู้ชุมนุม ยื่นข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง

 

ส่วนฉายาของทุกท่านที่ได้รับจากทุกสายข่าว ท่านผู้อ่านหาอ่านได้ไม่ยาก และในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่ง ก็อยากฝากบอกทุกท่านว่า ฉายาเหล่านี้ ติเพื่อก่อนะครับ…