ธนจิรา กรุ๊ป โชว์ผลประกอบการปี 2567 สร้างสถิติรายได้รวมสูงสุด 1.7 พันล้านบาท

03 มี.ค. 2568 | 17:19 น.
อัปเดตล่าสุด :03 มี.ค. 2568 | 17:27 น.

ธนจิรา กรุ๊ป เผยผลการดำเนินงานปี 2567 สร้างรายได้รวม 1,774 ล้านบาท เติบโตขึ้น 24 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยแรงหนุนจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า และการเปิดสาขาใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจกลุ่มแฟชั่น

บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN เผยผลการดำเนินงานปี 2567 สร้างรายได้รวม 1,774 ล้านบาท เติบโตขึ้น 24 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยแรงหนุนจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า และการเปิดสาขาใหม่

โดยเฉพาะธุรกิจกลุ่มแฟชั่น ได้แบรนด์ Marimekko GANNI และ United Arrows สร้างการเติบโตได้อย่างน่าประทับใจ รวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม แบรนด์ Gordon Ramsay Bread Street Kitchen & Bar ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโต 20% เตรียมเพิ่มแบรนด์ใหม่เสริมพอร์ตโฟลิโอในกลุ่มแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ รวมทั้งขยายแบรนด์ HARNN ในประเทศจีนต่อเนื่อง

ธนจิรา กรุ๊ป โชว์ผลประกอบการปี 2567 สร้างสถิติรายได้รวมสูงสุด 1.7  พันล้านบาท

นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปี 2567 ถือเป็นปีแห่งการลงทุนครั้งสำคัญส่งผลให้ TAN มีผลการดำเนินงานปี 2567 (สิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2567) ทำรายได้รวม 1,774 ล้านบาท เติบโตขึ้น 24% (YoY) ซึ่งเป็นผลจากยอดขายที่เติบโตในทุกช่องทาง โดยเฉพาะแบรนด์ Marimekko และ HARNN มีการเติบโตโดดเด่น

ซึ่ง HARNN ทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างมาก แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักจะลดลง โดยสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจต่างๆ แบ่งได้เป็น กลุ่มธุรกิจ Lifestyle 52% กลุ่มธุรกิจ Fashion 23% กลุ่มธุรกิจ Beauty & Wellness 19% และกลุ่มธุรกิจ Food & Beverage 6% โดยโครงสร้างรายได้จากต่างประเทศ คิดเป็น 8% ของรายได้รวมซึ่งมีการเติบโตจากปีก่อน 180% สะท้อนถึงความก้าวหน้าในการขยายกิจการในต่างประเทศ

ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 130 ล้านบาท ลดลง 22% จากปีก่อนหน้าเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาใหม่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายก่อนเปิดสาขา (pre-opening cost) และการปรับรายการทางบัญชีของธุรกิจในต่างประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวกับ GAAP ในประเทศไทย (one-time adjustment)

ธนจิรา กรุ๊ป โชว์ผลประกอบการปี 2567 สร้างสถิติรายได้รวมสูงสุด 1.7  พันล้านบาท

ซึ่งมีรายการคิดเป็น 18.9 ล้านบาท และการปรับมูลค่าของสินค้าคงคลังในต่างประเทศอีก 8.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับรายการทางบัญชีเพียงครั้งเดียว ในไตรมาส 4/2567 ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 4 ลดลง โดยบริษัทฯ มองว่าในระยะยาวธุรกิจในต่างประเทศจะเสริมศักยภาพของกลุ่มธนจิราให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน และคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในอนาคต”

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลในอัตรา 0.33 บาทต่อหุ้น โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นต่อไป โดยเตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับปันผล (Record Date) ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 กำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นี้ สะท้อนถึงความมั่นคงทางการเงิน และการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ TAN พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นคืน ภายใต้วงเงินสูงสุดจำนวนไม่เกิน 24 ล้านบาท จำนวนหุ้นซื้อคืนไม่เกิน 4 ล้านหุ้น คิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 1.33 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งกำหนดระยะการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม – 5 กันยายน 2568 เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นผ่านการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิผล

ธนจิรา กรุ๊ป โชว์ผลประกอบการปี 2567 สร้างสถิติรายได้รวมสูงสุด 1.7  พันล้านบาท

สำหรับในปี 2568 ทางบริษัทฯ ได้วางแผนพลิกฟื้นผลกำไรและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไม่น้อยกว่า 20% ผ่านกลยุทธ์เชิงรุก ได้แก่

  • การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานที่สร้างผลกำไรในระยะสั้น โดยเพิ่มยอดขายในกลุ่มงานต่างประเทศ ไม่ลงทุนโครงการใหม่ในประเทศที่ไม่สร้างกำไร และเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรให้กลับมาเร็วที่สุด โดยกำหนดกรอบงบประมาณการลงทุนที่ 4% จากเดิมที่ลงทุน 6.4% ของรายได้รวม พร้อมปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงานของกลุ่มงานต่างประเทศให้มีมาตรฐานเดียวกับสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย
  • การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะธุรกิจ อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการปรับโครงสร้างการดำเนินงาน โดยทยอยปิดสาขาของแบรนด์ที่ไม่สามารถสร้างผลกำไร สำหรับธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทฯ มีแผนเร่งเพิ่มยอดขาย พร้อมชะลอการลงทุนใหม่ในประเทศที่ยังไม่สามารถทำกำไรได้ ควบคู่ไปกับการควบคุมต้นทุน
  • การพัฒนาธุรกิจสู่เครือข่ายการเชื่องโยงที่มีศักยภาพ คือการนำ Digital Transformation มาใช้ในธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ผ่าน ระบบ Line CRM, Real Time Marketing Automation และ Business Intelligence เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการตลาด และสร้างยอดขายที่มีคุณภาพมากขึ้น รวมทั้งลดต้นทุนทางการตลาดที่ไม่จำเป็นอีกด้วย

นอกจากนี้ยังเสริมกลยุทธ์สำคัญด้านแผนขยายธุรกิจ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 เตรียมเปิดตัว MM6 Maison Margiela ในกลุ่มแฟชั่น และแบรนด์ Activewear ในกลุ่มไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายในเดือนสิงหาคม พร้อมกับแผนขยายสาขาใน ตลาดจีน ซึ่งมีกำลังซื้อสูง

นายธนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปี 2568 จะเป็นอีกปีที่มีความท้าทาย ซึ่ง TAN ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ และเรามั่นใจว่าด้วย กลยุทธ์ที่ชัดเจนและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ จะทำให้บริษัทฯ กลับมาสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว”