การบินไทยเคาะราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 4.48 บาท จองซื้อ 6-12 ธ.ค.นี้

27 พ.ย. 2567 | 10:26 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ย. 2567 | 20:02 น.
2.6 k

การบินไทยเผยผลตอบรับการแปลงหนี้เป็นทุนดีเกินคาด พร้อมเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูกิจการ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ราคา 4.48 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม พนักงานของบริษัทฯ และ บุคคลในวงจำกัด 9.8 พันล้านหุ้น มูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาท เปิดจอง-ชำระเงิน วันที่ 6 -12 ธ.ค.2567 นี้

วันนี้ (วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เดินหน้ากระบวนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ หลังประสบความสำเร็จในกระบวนการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีเจ้าหนี้แสดงเจตนาแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก ในระหว่างวันที่ 19 – 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

การบินไทย

ตอนนี้พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการในส่วนถัดไป โดยเสนอขายจำนวนไม่เกิน 9,822.5 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการปรับโครงสร้างทุนตามรายชื่อที่ปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 (Record Date) ที่มีที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น พนักงานของบริษัทฯ และบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามลำดับ คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 44,004.7 ล้านบาท ที่ราคาเสนอขาย 4.48 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 6 – 12 ธันวาคม 2567 

โดยเสนอขายผ่านทางช่องทางการจัดจำหน่ายของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ที่กำหนด เพื่อปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการและสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน สู่ศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

การบินไทยเคาะราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 4.48 บาท จองซื้อ 6-12 ธ.ค.นี้

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การบินไทย ขอขอบคุณทุกการสนับสนุนจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายตลอดระยะเวลาในช่วงฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมา ที่ล้วนเป็นส่วนสำคัญในการนำพาการบินไทยบรรลุผลสำเร็จที่คาดหวังไว้

ปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์

เราได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร ปรับกลยุทธ์การบริหารต้นทุนเพื่อลดค่าใช้จ่าย ปรับฝูงบินและเส้นทางการบิน เพื่อเพิ่มรายได้และสร้างกำไรในทุกเส้นทางบิน สู่ก้าวใหม่ในฐานะบริษัทเอกชนที่เปี่ยมศักยภาพกว่าที่เคย 

ในวันนี้การบินไทยประสบผลสำเร็จจากกระบวนการแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งประกอบด้วย 

(1) การแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการแบบภาคบังคับเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Mandatory Conversion) คิดเป็นมูลค่า 37,601.9 ล้านบาท โดยได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 14,773.7 ล้านหุ้น โดยเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 หรือกระทรวงการคลัง ได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างเต็มจำนวนในสัดส่วนร้อยละ 100 ในขณะที่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5, กลุ่มที่ 6 (สถาบันการเงิน) และเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ ได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างในอัตราร้อยละ 24.50 และ           

(2) การใช้สิทธิแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นทุนเพิ่มเติมโดยความสมัครใจ (Voluntary Conversion) ซึ่งในระหว่างวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหนี้จำนวนมากแสดงเจตนารวมกันเกินกว่า 3 เท่าของจำนวนหุ้นที่มีรองรับตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นจำนวน 4,911.2 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 12,500.1 ล้านบาท 

พร้อมทั้ง (3) การใช้สิทธิแปลงดอกเบี้ยตั้งพักใหม่เป็นทุนมูลค่า 3,351.2 ล้านบาท และได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,304.5 ล้านหุ้น สุทธิภาษีหัก ณ ที่จ่าย รวม (1) – (3) คิดเป็นภาระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ รวมทั้งสิ้นมูลค่า 53,453.2 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 20,989.4 ล้านหุ้น ที่ราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น 

การบินไทยเคาะราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 4.48 บาท จองซื้อ 6-12 ธ.ค.นี้

ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินของการบินไทยกลายเป็นบวกภายในสิ้นปีนี้ อันเป็นการบรรลุหนึ่งในเงื่อนไขในการยกเลิกการฟื้นฟูกิจการทั้งนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินให้สามารถดำเนินธุรกิจอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินในระดับสากล 

การบินไทยเคาะราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 4.48 บาท จองซื้อ 6-12 ธ.ค.นี้

การบินไทยจะดำเนินการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนถัดไป ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822.5 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของการบินไทยก่อนการปรับโครงสร้างทุนตามข้อมูลที่ปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ  ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ที่มีที่อยู่ในประเทศไทย และพนักงานของการบินไทย ตามลำดับ ในราคา 4.48 บาทต่อหุ้น 

การบินไทยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน

โดยสามารถจองซื้อและชำระเงินระหว่างวันที่ 6 – 12 ธันวาคม 2567 ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ที่กำหนด ทั้งนี้ หากมีหุ้นสามัญคงเหลือจากการจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการปรับโครงสร้างทุน และพนักงานของบริษัทฯ ตามลำดับ จะดำเนินการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ที่ราคาเสนอขายเดียวกันต่อไป 

การกำหนดราคาดังกล่าวที่กำหนดโดยผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการมีความเหมาะสม โดยการพิจารณาจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การประเมินมูลค่ายุติธรรม ทั้งจากวิธีเปรียบเทียบอัตราส่วนตลาด (Market Comparable Approach) เช่น อัตราส่วนมูลค่ากิจการต่อกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Enterprise Value to EBITDA Ratio: EV/EBITDA) อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (Price to Earnings Ratio: P/E) และวิธีมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดของกิจการ (Discounted Cash Flow) ข้อจำกัดและโครงสร้างการเสนอขายภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ 

ความเสี่ยงของนักลงทุนจากการที่ต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือนกว่าที่หุ้นจะกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลอดจนประโยชน์และผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทฯ มีโอกาสได้รับเงินทุนจากการเสนอขายที่เหมาะสม เพื่อสร้าง ความแข็งแกร่งทางการเงินและการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต” 

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมผลประกอบธุรกิจของการบินไทยในงวด 9 เดือนของปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งและความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการฟื้นฟูกิจการ จากจำนวนผู้โดยสารกว่า 11.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนของปี 2566 

ชาย เอี่ยมศิริ

นอกจากนี้ ยังมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) 47,778 ล้าน ASK เพิ่มขึ้น 19.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น จากการดำเนินธุรกิจตามแผนฟื้นฟูกิจการที่เรียกความเชื่อใจจากลูกค้ากลับมาได้ และในส่วนของกำไร (ขาดทุน) จากการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 2567 อยู่ที่ 24,191 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 29,330 ล้านบาท และ EBITDA ของงวด 9 เดือน ปี 2567 อยู่ที่ 33,742 ล้านบาท 

ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 37,590 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น อาทิ ค่าซ่อมแซมและบำรุงอากาศยานที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนเครื่องบินที่เข้ามาใหม่สำหรับการรองรับผู้โดยสารที่มากกว่าเดิม และค่าบริการการบินจากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น 

รวมทั้งอัตราค่าบริการการบินต่อเที่ยวปรับตัวสูง ตลอดจนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขายและการโฆษณาที่เพิ่มขึ้น จากความจำเป็นในการจ่ายค่าธรรมเนียมสำรองที่นั่งที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการจองเที่ยวบิน อย่างไรก็ตาม เรามั่นใจว่าการลงทุนเหล่านี้จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และช่วยให้การบินไทยกลับมาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมในอนาคตอันใกล้”

ความคืบหน้าแผนฟื้นฟูกิจการ การบินไทย

สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของการบินไทยก่อนการปรับโครงสร้างทุนที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นสามารถตรวจสอบสิทธิผ่าน (1) หนังสือแจ้งสิทธิเพิ่มทุนสำหรับผู้ถือหุ้นเดิม โดยคาดว่าจะส่งออกโดยบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ผ่านทางไปรษณีย์ตามที่อยู่บนสมุดทะเบียน หรือ (2) ช่องทางเว็บไซต์การบินไทย คลิ๊ก และสามารถจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ระหว่างวันที่ 6 – 12 ธันวาคม 2567 ผ่านทางช่องทางการจัดจำหน่ายของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ที่กำหนด ได้แก่

  • สำนักงานใหญ่บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ผ่านการส่งใบจองซื้อ (Hard Copy) หรือจองซื้อผ่านโทรศัพท์บันทึกเทป (เฉพาะนิติบุคคล หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน หรือ ลูกค้าที่มีบัญชีหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทรเท่านั้น)
  • สำนักงานใหญ่และสาขา ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านการส่งใบจองซื้อ (Hard Copy)
  • ระบบออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านระบบ Money Connect by Krungthai บน Krungthai NEXT Application (สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาเท่านั้น โดยจะต้องมีบัญชีธนาคารผ่านระบบ Krungthai NEXT)

สำหรับพนักงานของการบินไทยที่มีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามารถจองซื้อหุ้นในวันและเวลาเดียวกันกับผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการปรับโครงสร้างทุน โดยมีช่องทางการจองซื้อหุ้นอีกหนึ่งช่องทาง คือ 

  • สำนักงานใหญ่บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ผ่านการส่งใบจองซื้อ (Hard Copy) (เฉพาะ ลูกค้าที่มีบัญชีหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทรเท่านั้น)
  • สำนักงานใหญ่และสาขา ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านการส่งใบจองซื้อ (Hard Copy)
  • ระบบออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านระบบ Money Connect by Krungthai บน Krungthai NEXT Application (สำหรับลูกค้าที่มีบัญชีธนาคารผ่านระบบ Krungthai NEXT เท่านั้น)
  • ระบบออนไลน์ผ่าน Application DIME! (เฉพาะลูกค้าบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่มีบัญชีหลักทรัพย์ไทยกับ DIME! เท่านั้น)

การบินไทยตั้งเป้ากลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในไตรมาส 2 ปี 2568 โดยกระบวนการปรับโครงสร้างทุนเพื่อให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จากนั้น การบินไทยจะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่  ตามเงื่อนไขในแผนฟื้นฟูกิจการ และยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ           

ตอกย้ำแนวคิด “Fly for The New Pride” สู่ขอบฟ้าใหม่แห่งความภาคภูมิใจ ที่สะท้อนความมุ่งมั่นของ การบินไทยในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์ขององค์กร พนักงาน ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งระบบ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และยกระดับการบริการเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกท่าน

ปัจจุบันการบินไทยเป็นสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Carrier) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2503 และมีฐานปฏิบัติการหลักที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ การบินไทยเป็นสายการบินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันดับ 5 ในทวีปเอเชีย และอันดับ 43 ของโลก โดยพิจารณาจากปริมาณการขนส่งผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างประเทศ (คิดเป็นล้านคน-กิโลเมตร) ของปี 2566 ณ วันที่ 30 กันยายน 2567

การบินไทยมีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ปฏิบัติการบินรวม 77 ลำ ประกอบด้วย เครื่องบินลำตัวกว้างจำนวน 57 ลำ และเครื่องบินลำตัวแคบจำนวน 20 ลำ และมีเครือข่ายเส้นทางบินที่ให้บริการครอบคลุมกว่า 62 จุดบิน ใน 27 ประเทศทั่วโลก เชื่อมต่อประเทศไทยกับภูมิภาคสำคัญ ๆ ทั่วโลก ได้แก่ เอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย และภายในประเทศ

การบินไทยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง 1 ใน 5 รายของกลุ่มพันธมิตรการบินสตาร์ อัลไลแอนซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรการบินชั้นนำระหว่างประเทศ เพื่อการขยายเครือข่ายเส้นทางบินผ่านความตกลงเที่ยวบินร่วม (code sharing) การสะสมไมล์เดินทางร่วม และการให้บริการพิเศษเพิ่มขึ้นแก่ลูกค้าทั่วโลก