จับตาประชุม APEC ท่ามกลางสงครามการค้าครั้งใหม่ของทรัมป์

ผู้นำสหรัฐ จีน และประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมารวมตัวกันที่เปรูเพื่อร่วมประชุมสุดยอดเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ (การประชุมเอเปค) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าโลกที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์

การประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน การเดินทางของเขาเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อผู้สืบทอดตำแหน่ง 

ทรัมป์ ซึ่งจะกลับมาที่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม หลังจากเอาชนะ กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีของไบเดน ในการเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยทรัมป์ส่งเสริมนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" และขู่ที่จะล้มล้างกฎเกณฑ์การค้าโลก เขาเคยพูดถึงการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศสูงถึง 20% และขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 60% ซึ่งอ้างว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยสร้างสมดุลให้กับการค้า

นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีการหารือกันที่ APEC เพื่อหาแนวทางด้านต่างๆ ของ IPEF เช่น ข้อตกลงห่วงโซ่อุปทาน โดย หัวข้อของการประชุมเอเปคประจำปีนี้คือ เสริมพลัง และเติบโต เน้นย้ำถึงความร่วมมือและการลงทุนระหว่างพันธมิตรเพื่อส่งเสริมการเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม เอเปคเตือนว่าภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกจะประสบกับการเติบโตที่ชะลอตัวลงท่ามกลางข้อจำกัดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนของนโยบายที่ทวีความรุนแรงขึ้น อัตราการเติบโตของภูมิภาคนี้คาดว่าจะลดลงเหลือ 3.1% ในปี 2025 จาก 3.5% ในปีนี้ และจะลดลงต่อไปอีกเหลือ 2.7% ในระยะกลาง ตามรายงานของหน่วยงานนโยบายของเอเปคที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 

การกีดกันทางการค้า ซึ่งรวมถึงการเพิ่มอัตราภาษีศุลกากร คุกคามการเติบโตของการค้าและทำร้ายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสมาชิกเอเปค ขณะที่ความมุ่งมั่นใหม่ในการร่วมมือในประเด็นการค้าถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโมเมนตัมเชิงบวกของเอเปคเมื่อเผชิญกับความท้าทายระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

HS Cho ประธานคณะที่ปรึกษาธุรกิจเอเปคคนใหม่ กล่าวว่า ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางกำลังเผชิญกับแรงกดดันท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาค โดยชี้ให้เห็นถึงภาษีศุลกากรและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

ผู้สังเกตการณ์คาดว่าการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อเอเปคจะลดน้อยลงภายใต้การนำของทรัมป์ ซึ่งจุดยืนที่สนับสนุนการค้าและความไม่ไว้วางใจในพันธมิตรพหุภาคีทำให้บางประเทศรู้สึกไม่สบายใจ ในอดีตทรัมป์ชอบการเจรจาทวิภาคีและใช้แนวทางที่เป็นส่วนตัวมากกว่า

นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์และผู้สังเกตการณ์จีนกังวลว่า ความตึงเครียดระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกอาจเลวร้ายลง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าไบเดนจะพบกับ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีนระหว่างการประชุมสุดยอดเอเปคหรือไม่ หลังจากพยายามเพิ่มการสื่อสารกับจีนในช่วงดำรงตำแหน่ง

วาระการประชุมของ สี จิ้นผิง ในเปรู ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคครั้งที่สาม ก็ได้รับความสนใจเช่นกัน โดยคาดว่า สี จิ้นผิง จะเปิดตัว ท่าเรือชานเคย์ Chancay ทางตอนเหนือของลิมา บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนการขนส่งระหว่างอเมริกาใต้และเอเชีย

การเปิดตัวท่าเรือขนาดใหญ่แห่งนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับสหรัฐเกี่ยวกับสิ่งที่สหรัฐถือว่าเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ยังมีแนวโน้มว่าจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเปรูอีกด้วย

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มองว่าโครงการมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์นี้เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในละตินอเมริกา ซึ่งบริษัทจีนได้ลงทุนอย่างหนักในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ

ประเทศไทยเข้าร่วมประชุมเอเปค

สำหรับ การประชุมรัฐมนตรีเอเปค และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 35 วันที่ 14-17 พ.ย.67

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมง) นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงโรงแรม Swissotel Lima Hotel สาธารณรัฐเปรู เตรียมเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้การต้อนรับ

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (14 พฤศจิกายน) นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ครั้งที่ 31 รวมถึงการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง