จับตาผลเลือกตั้งสหรัฐ คาด “ทรัมป์” เฉือนชนะ “แฮร์ริส” แบบเฉียดฉิว

06 พ.ย. 2567 | 04:04 น.
7.2 k

ผู้เชี่ยวชาญคาดผลการเลือกตั้งสหรัฐ “ทรัมป์”เฉือนชนะ “แฮร์ริส” แบบเฉียดฉิว ชาวอเมริกันชอบนโยบายเน้นเศรษฐกิจภายใน เพิ่มจ้างงาน ระบุแฮร์ริส ผงาดประธานาธิบดีหญิงคนแรก ต้องวัดใจกล้าเปลี่ยนรอบ 250 ปี

ศึกเลือกตั้งสหรัฐ ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 เปิดหีบลงคะแนนเสียงกันแล้ว ไม่กี่อึดใจนับจากนี้หากทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่เป็นนัยสำคัญ ก็จะทราบผลการเลือกตั้ง ชาวอเมริกัน และทั่วโลกจับตามองศึกนี้สุดท้ายแล้วใครจะเบียดเข้าเส้นชัย เพราะทุกโพลในโค้งสุดท้ายต่างชี้ผลหยั่งเสียงคะแนนนิยม “ทรัมป์” และ "แฮร์ริส"เป็นไปอย่างคู่คี่สูสีมาก

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” โดยวิเคราะห์ และคาดการณ์ว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" จากพรรครีพับลิกัน มีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้สูงที่จะเฉือนชนะ “กมลา  แฮร์ริส” จากพรรคเดโมแครตที่เป็นพรรครัฐบาลในปัจจุบัน และจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยที่ 2

“ล่าสุดก่อนเปิดหีบเลือกตั้งแฮร์ริสยังมีคะแนนนำทรัมป์อยู่เพียง 1% ขณะที่ใน 7 รัฐสมรภูมิ หรือสวิงสเตท ผลสำรวจของ BBC ล่าสุด ระบุทรัมป์ยังมีคะแนนำหน้าแฮร์ริสใน 5 รัฐ จาก 7 รัฐ ซึ่งในมุมมองของผม ทรัมป์น่าจะมา แต่การชนะครั้งนี้ไม่น่าจะชนะขาด คิดว่าทรัมป์มีโอกาสชนะแฮร์ริส 51 ต่อ 49 ซึ่งจะสูสีและชนะกันแบบเฉียดฉิวมาก”

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

สำหรับเหตุผลที่มองว่าชาวอเมริกันที่มีสิทธิ์เลือกตั้งที่จะเลือกทรัมป์ ในประเด็นที่หนึ่ง น่าจะมาจากนโยบายของทรัมป์ที่ให้ความสำคัญกับ America First โดยเน้นการสร้างหรือกระตุ้นเศรษฐกิจจากภายใน ซึ่งเรื่องเศรษฐกิจน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ของสหรัฐอเมริกาในเวลานี้  และทรัมป์ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าแฮร์ริส รวมถึงการกีดกันผู้อพยพหรือหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ที่เข้ามาแย่งงานชาวอเมริกัน

ส่วนแฮร์ริส นโยบายในภาพรวมคงไม่แตกต่างจากปัจจุบันที่ร่วมรัฐบาลกับไบเดนมากนัก หากมีการปรับเปลี่ยนนโยบายก็คงไม่มาก

ประเด็นที่สอง ผลงานแฮร์ริสในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน ในเรื่องเศรษฐกิจ รวมถึงผลงานในภาพรวมไม่เด่นชัด ส่วนประเด็นย่อยในข้อนี้คือ ความเป็นผู้หญิงที่จะชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ 250 ปีที่ก่อกำเนิดประเทศสหรัฐมา ก็ยังไม่แน่ใจว่าชาวอเมริกันจะกล้าเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 45 ที่นางฮิลลารี คลินตัน ที่ถือว่ามีผลงานโดดเด่นกว่าแฮร์ริส และลงชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดียังพ่ายให้กับโดนัลด์ ทรัมป์

“ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ที่ฮิลลารี คลินตันลงแข่งกับโดนัลด์ ทรัมป์ ในตอนนั้น คนอาจจะอยากลองของใหม่ และยังไม่รู้ว่าสไตล์ของทรัมป์ว่าเป็นแบบไหน แต่รอบนี้คนรู้แล้วว่าสมัยทรัมป์เป็นประธานาธิบดีเป็นอย่างไร ซึ่งอาจมีผลให้คะแนนของทรัมป์ดร็อปลงไปบ้างในรอบนี้ แต่ก็ยังให้น้ำหนักทรัมป์จะชนะแฮร์ริสแบบเฉียดฉิว เช่น 51 ต่อ 49”

ทั้งนี้กล่าวโดยสรุป ทรัมป์จะชนะแฮร์ริส หรือแฮร์ริสจะชนะทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ขึ้นอยู่กับ 1.ชาวอเมริกันที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติทั้งคนผิวขาว คนผิวสี  ชาวอเมริกันเชื้อสายจีน เชื้อสายเอเชีย เชื้อสายอินเดีย เชื้อสายอาหรับ และอื่น ๆ ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งจะเลือกใคร

 2.ใน 7 รัฐสวิงสเตท (แอริโซนา, เนวาดา, วิสคอนซิน, มิชิแกน, เพนซิลเวเนีย, นอร์ทแคโรไลนา และจอร์เจีย) ที่สุดแล้วผลการลงคะแนนเสียงจะเป็นไปตามผลสำรวจหรือไม่ และ 3.เลือกจากนโยบายของทรัมป์ และแฮร์ริสที่กลุ่มต่าง ๆ ในเพศ และวัยต่าง ๆ เห็นว่าตัวเองจะได้รับอานิสงส์จากนโยบายหาเสียงหากนำไปปฏิบัติจริง

 “อย่างไรก็ดีไม่ว่าทรัมป์ หรือแฮร์ริสจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ สิ่งสำคัญสหรัฐต้องได้ผู้นำที่มีความเข้มแข็ง กล้าคิด กล้าทำ และกล้าตัดสินใจ เพราะต้องไปต่อกรกับกลุ่ม BRICS (ที่มีบราซิล รัสเซีย  อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้เป็นแกนนำ ปัจจุบันมีสมาชิก 10 ประเทศ) ที่พยายามสร้างกลุ่มเศรษฐกิจ และการเงินใหม่ คาดใน 4 ปีนับจากนี้ กลุ่ม BRICS จะมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ”