เปิดประสบการณ์การเดินทางสู่โลกอนาคต ด้วยระบบ Biometric สุดล้ำ พัฒนาการบริการโดย “สกาย กรุ๊ป” มอบประสบการณ์เดินทางแบบไร้รอยต่อ ยกระดับมาตรฐานท่าอากาศยานไทยสู่สากล ซึ่งจะเปิดใช้งานระบบนี้ได้ทั้ง 6 สนามบิน ของ AOT เริ่มจากผู้โดยสารในประเทศวันที่ 1 พ.ย.นี้ และผู้โดยสารระหว่างประเทศ เริ่ม 1 ธ.ค.นี้
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป (SKY Group) กล่าวว่า สกาย กรุ๊ป มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในท่าอากาศยานให้ทันสมัย พัฒนาคุณภาพการบริการของท่าอากาศยานให้ได้มาตรฐานสากล ทันต่อความต้องการของผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางของผู้โดยสารที่น่าประทับใจ
สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของท่าอากาศยานไทย ที่จะเป็นผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค สร้างโอกาส สร้างอนาคต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
ล่าสุด AOT เตรียมเปิดใช้งานระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition อย่างเป็นทางการ มาใช้ในการระบุตัวตนของผู้โดยสาร โดยจะใช้งานระบบนี้ได้ทั้ง 6 สนามบิน ของ AOT ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย สนามบินภูเก็ต และสนามบินหาดใหญ่
โดยในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นี้ จะเปิดให้บริการสำหรับผู้โดยสารภายในประเทศใช้ได้ก่อน และในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 จะพร้อมใช้งานสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว รวมทั้งจะช่วยลดระยะเวลาในการรอคิวของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT
การพัฒนาการบริการระบบไบโอเมตริกซ์นี้ AOT ได้สนับสนุนและวางใจให้ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ICT ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการบินและระบบการจัดการอัจฉริยะ โดย SKY ICT ได้นำเทคโนโลยี Biometric ระดับโลก มาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารตั้งแต่การเช็คอิน การโหลดกระเป๋าสัมภาระ การตรวจสอบความปลอดภัย และการเข้าประตูทางออกขึ้นเครื่องอย่างไร้รอยต่อ
ทั้งนี้จะช่วยยกระดับท่าอากาศยานไทยให้เป็นสนามบินที่มีความทันสมัยเทียบเท่านานาชาติ ช่วยให้การเดินทางสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยลดระยะเวลาการรอคอยและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร ซึ่งระบบทั้งหมดนี้ถูกพัฒนาการบริการจากความเชี่ยวชาญของ SKY ICT
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า AOT มั่นใจว่าระบบ Biometric มีความพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร ทั้งผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศจะได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ใช้เวลาน้อยในแต่ละจุดบริการ ทำให้ผู้โดยสารมีเวลาเพียงพอที่จะเดินเล่น เลือกซื้อสินค้าปลอดอากรและของฝาก รับประทานอาหาร หรือพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งนี้ ผู้โดยสารจำเป็นต้องยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล
ที่ผ่านมา SKY ICT ได้ให้บริการติดตั้งระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง หรือ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) ที่สนับสนุนการให้บริการทั้งหมด 5 ระบบ ได้แก่
โดยทั้ง 5 ระบบดังกล่าวได้ติดตั้งเพื่อรองรับระบบ Biometric ไว้เรียบร้อยแล้วและเมื่อระบบทั้งหมด 6 ระบบได้มีการใช้งานและเชื่อมต่อกันอย่างครอบคลุม จะทำให้ข้อมูลต่างๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายอย่างสมบูรณ์
สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ Biometric สามารถลงทะเบียนใช้งานเมื่อมาเช็กอินที่สนามบิน
โดยมี 2 วิธี ได้แก่
ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร (เครื่อง CUTE) โดยระบบฯ จะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบฯ
โดยหลังจากเช็กอินเสร็จแล้ว ให้ผู้โดยสารเลือกสายการบินที่เดินทาง ต่อด้วยเลือก “Enrollment” จากนั้นสแกน barcode จากบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) เสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือ บัตรประชาชน และสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ถือเป็นการเสร็จสิ้นการลงทะเบียน ซึ่งระบบฯ จะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบฯ เช่นเดียวกัน
เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้วถือว่าผู้โดยสารได้ให้ความยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ดังนั้น เมื่อผู้โดยสารจะโหลดกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD) ตลอดจนผ่านจุดตรวจค้น รวมทั้งขั้นตอนขึ้นเครื่อง ไม่ต้องแสดง Passport และ Boarding Pass อีกต่อไป
ไม่เพียงแต่การพัฒนาระบบไบโอเมตริกซ์นี้ SKY ICT ยังมุ่งเดินหน้าให้บริการโซลูชันใหม่ๆ ให้สอดรับกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน พร้อมช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดให้กับผู้โดยสารผ่านบริการต่างๆ อาทิ การรวมระบบ แอปพลิเคชัน ระบบรักษาความปลอดภัย และบริการอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยานบริษัท ในฐานะผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมการบิน การรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และแพลตฟอร์มดิจิทัลอีกด้วย