แจกเงินดิจิทัล 10,000 กระหึ่มโลก สื่อนอก เกาะติดคนไทยหลายล้านรีบลงทะเบียน

01 ส.ค. 2567 | 16:15 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ส.ค. 2567 | 16:27 น.

ข่าวโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือ 282 ดอลลาร์ ของไทย ดังกระหึ่มโลก หลัง “รอยเตอร์ส์” ก็เกาะติดรายงานข่าว พบประสบปัญหาการลงทะเบียนในช่วงแรกเมื่อประชาชนหลายล้านคนรีบลงทะเบียน

โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต นอกจากประชาชนคนไทยให้ความสนใจแล้ว พบว่าสื่อระดับโลกอย่าง “สำนักข่าวรอยเตอร์ส” ก็เกาะติดข่าวนโยบายนี้ของรัฐบาลด้วยเช่นกัน

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นโยบายการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท (282 ดอลลาร์) ให้กับประชากรส่วนใหญ่ของรัฐบาลไทยประสบปัญหาในช่วงแรกเมื่อวันพฤหัสบดี เมื่อประชาชนหลายล้านคนรีบลงทะเบียนในวันแรกและทำให้ระบบลงทะเบียนล่ม

ภายหลังช่วงบ่ายมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว 10.5 ล้านคน แต่อีกหลายล้านคนไม่สามารถเข้าถึงระบบลงทะเบียนได้ โดยหลายคนบ่นว่าไม่ได้รับรหัสผ่านทางข้อความเพื่อทำการลงทะเบียนให้เสร็จสมบูรณ์

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า รัฐบาลได้ทุ่มเทอย่างหนักกับโครงการ "กระเป๋าเงินดิจิทัล" มูลค่า 500,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังดิ้นรนจากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงและการใช้จ่ายที่อ่อนแอ แต่โครงการนี้ล่าช้าเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแหล่งเงินทุน

นักวิจารณ์ รวมถึงนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยบางคน ได้วิพากษ์วิจารณ์ว่าโครงการนี้มองการณ์ใกล้และมีความเสี่ยงทางการคลัง ซึ่งรัฐบาลปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

"เป็นเรื่องปกติที่จะมีปัญหาในวันแรก แต่เรากำลังทำอย่างดีที่สุด" นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ผู้สนับสนุนโครงการนี้อย่างแข็งขันกล่าว
 

รอยเตอร์ส์รายงานด้วยว่า เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาทสำหรับปีงบประมาณ 2567 เพื่อช่วยสนับสนุนกระเป๋าเงินดิจิทัล 

โครงการนี้จะเปิดตัวในอีกสองเดือนข้างหน้า และจะโอนเครดิต 10,000 บาทให้กับผู้ใช้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เพื่อใช้จ่ายในท้องถิ่นของพวกเขาภายในหกเดือน

คาดว่าจะมีร้านค้าหลายล้านแห่งสมัครและเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และซูเปอร์มาร์เก็ตเชน ไปจนถึงร้านขายก๋วยเตี๋ยวและร้านสะดวกซื้อที่ดำเนินการโดยครอบครัว

กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 2.7% ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยวและการส่งออก ในขณะที่รัฐบาลเชื่อว่าโครงการแจกเงินนี้จะสามารถเพิ่มการเติบโตในปีหน้าได้ 1.2 ถึง 1.8 เปอร์เซ็นต์

นายเศรษฐา กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของนโยบายนี้คือเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาค เพื่อไม่ให้กระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองใหญ่

ตามข้อมูลของธนาคารโลก ประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรไทยอาศัยอยู่ในเขตเมือง จากประชากรที่มีสิทธิ์ 50 ล้านคน รัฐบาลคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วม 45 ล้านคน คนไทยที่มีรายได้มากกว่า 840,000 บาทต่อปี หรือมีเงินในบัญชีธนาคาร 500,000 บาท (14,077 ดอลลาร์) ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ

 

ที่มา : สำนักข่าวรอยเตอรส์