“เอาท์เล็ท มอลล์” คัมแบ็ค ดึงแม็กเน็ต ‘วอริกซ์’ เสริมแกร่ง

08 ต.ค. 2566 | 15:05 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ต.ค. 2566 | 15:07 น.

“เอาท์เล็ท มอลล์” คัมแบ็ครุกตลาดเอาท์เล็ท เดินหน้าดึงแม็กเน็ตเสริมแกร่ง รองรับลูกค้าไทย-ต่างชาติในหัวเมืองหลักพัทยา เขาใหญ่ อยุธยา นำร่องด้วยวอริกซ์ สปอร์ต กับสเปเชียลตี้ สโตร์ มั่นใจกวาดรายได้ 3,000 ล้านบาทเทียบเท่าก่อนโควิดในปีหน้า

นางรจนี บุญญารัชต์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอาท์เล็ท มอลล์ จำกัด ผู้บริหารโครงการ “พรีเมี่ยมเอาท์เล็ท” เปิดเผยว่า เอาท์เล็ท มอลล์ กลับมาเดินหน้ารุกตลาดอีกครั้งเพื่อรองรับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ล่าสุดได้จับมือกับ Warrix Thailand สร้าง Specialty Store เพื่อลูกค้าเข้าถึงสินค้าทีมชาติไทย ผ่านสาขาของเอาท์เล็ทตามหัวเมืองต่างๆ ขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มเดิมกระจายออกสู่หัวเมืองท่องเที่ยว และมุ่งสู่การเป็น HUB กระจายสินค้าอย่างเต็มรูปแบบ

ปัจจุบันเปิดบริการในพื้นที่ของเอาท์เล็ทมอลล์ แล้วทั้งสิ้น 3 สาขา ได้แก่ สาขาพัทยา เปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2566 กลุ่มเป้าหมาย 80% เป็นลูกค้าต่างชาติ และลูกค้าท้องถิ่นในพัทยา ชลบุรี ระยอง สาขาที่สอง ต่อมาคือ สาขาอยุธยา เปิดให้บริการในเดือนเมษายน 2566 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือลูกค้าท้องถิ่น ทั้งในจังหวัดอยุธยา ปทุมธานี สระบุรี รวมทั้งเป็นนักกีฬาในโรงเรียน ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ

“เอาท์เล็ท มอลล์” คัมแบ็ค ดึงแม็กเน็ต ‘วอริกซ์’ เสริมแกร่ง

ประกอบกับในพื้นที่ของสาขาอยุธยา มีสนามไดร์ฟกอล์ฟ และสนามฟุตซอล จึงทำให้กลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาใช้บริการมีจำนวนค่อนข้างมาก ในสาขาที่สาม สาขาเขาใหญ่ เปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2566 เป็นสาขาที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด ในบรรดาสาขาที่เปิดมา มีจำนวนพื้นที่ 263 ตารางเมตร ติดด้านหน้าถนนมิตรภาพ เพื่อเป็น HUB ของภาคอีสาน กลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าท้องถิ่น นักท่องเที่ยว และกลุ่มข้าราชการ

“ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ตรงกลุ่มคนรักสุขภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า โดยวาง Concept ให้เป็นหนึ่งใน Specialty Store ซึ่งมีจำหน่ายทั้งสินค้าใหม่ตามฤดูกาล และสินค้า Off Season โดยอนาคตอาจวางแผนร่วมกับ Warrix ในการผลิต และจำหน่ายสินค้าประเภท TFC (Tier Factory Outlet) และทางเอาท์เล็ท มอลล์ ยังมีแผนการขยายสาขาร้าน Warrix ไปยังสาขาหัวเมืองอื่นๆ ที่เอาท์เล็ทมีพื้นที่ให้บริการอยู่ ให้ครอบคลุม และเป็น HUB ในทั่วทุกภาคของประเทศไทย ภายใน 2 ปีข้างหน้า”

“เอาท์เล็ท มอลล์” คัมแบ็ค ดึงแม็กเน็ต ‘วอริกซ์’ เสริมแกร่ง

ปัจจุบัน บริษัท เอาท์เล็ท มอลล์ จำกัด ยังคงบริหารโครงการ พรีเมี่ยมเอาท์เล็ท ทั้งหมด 8 สาขาในเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ เอาท์เล็ท มอลล์ พัทยา, พรีเมี่ยมเอาท์เล็ท ชะอำ, พรีเมี่ยมเอาท์เล็ท เขาใหญ่, พรีเมี่ยมเอาท์เล็ท อยุธยา, เอาท์เล็ท วิลเลจ กระบี่, พรีเมี่ยมเอาท์เล็ท ภูเก็ต, พรีเมี่ยมเอาท์เล็ท เชียงใหม่ และพรีเมี่ยมเอาท์เล็ท อุดรธานี

“วิกฤตโควิดที่ผ่านมา เอาท์เล็ท มอลล์หันมาเสริมตลาดโดยมุ่งเจาะคนท้องถิ่นมากขึ้น เพื่อรอการกลับมาของนักท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรมงานแฟร์ลดราคา เพื่อซ่อมเป้าหมายให้คู่ค้า และเพื่อคนท้องถิ่นได้เข้าถึงสินค้าแบรนด์เนม ภายใต้ชื่อ “งานนี้มีโละ” พร้อมปรับกลยุทธ์การขาย จากการขายในห้องแอร์เป็นออกมาขายในพื้นที่อีเวนท์ และตั้งธีมงานชื่อว่า “งานนี้มีโละ”

จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมี่ยมเอาท์เล็ท สาขาอยุธยา ณ บริเวณลานจอดรถของทางศูนย์ และในครั้งแรกมีผู้คนเข้ามาร่วมงานกว่า 25,000 คน จึงถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี รวมถึง “งานโละสัญจร” เป็นรูปแบบการจัดพื้นที่ขายอีเวนท์ในจังหวัดเมืองรอง (Second Tier) นอกเหนือจากในพื้นที่ที่มีสาขาของเอาท์เล็ทตั้งอยู่”

ขณะเดียวกันก็เน้นการตลาดแบบ O2O (Online to Offline) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างข้อดีของการขายของบนของโลกออนไลน์ ผ่านแฟนเพจของเอาท์เล็ททุกสาขา ซึ่งปัจจุบันมีฐานแฟนเพจกว่า 7 แสนคน และปิดการขายที่ศูนย์ฯ เพื่อเพิ่มยอดขายให้มากยิ่งขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึงและรอบด้าน โดยวิธีการทำการตลาดในแบบ O2O จะช่วยสร้างการรับรู้ และสร้างดีมานด์ ผ่านการ post และ live stream และยังคงความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์

“เอาท์เล็ท มอลล์” คัมแบ็ค ดึงแม็กเน็ต ‘วอริกซ์’ เสริมแกร่ง

เพราะมีทั้งหน้าร้านที่กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าไปลองสินค้า และได้ประโยชน์กับกับการสร้าง traffic ภายในศูนย์ฯกับแบรนด์อื่นๆ ด้วย หรือในขณะเดียวกันยังสามารถเลือกซื้อสินค้าจากโลกออนไลน์แล้วมารับสินค้ากับสาขาใกล้บ้าน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ทุกเวลา โดยมีบริการจัดส่งอีกด้วย

โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขาย 2,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 2,100 ล้านบาท ขณะที่ช่วงก่อนการระบาดของโควิด บริษัทเคยทำรายได้สูงถึง 3,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าหลังการรุกทำตลาดพร้อมเสริมแม็กเน็ตต่อเนื่องจะทำให้บริษัทกลับมามีรายได้เทียบเท่าก่อนช่วงโควิดในปีหน้า

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,929 วันที่ 8 - 11 ตุลาคม พ.ศ. 2566