AI ต้องมา CRC ปั้น “C-Verse” ดันยอดนักช้อปโต 30%

04 ก.ค. 2566 | 09:35 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ก.ค. 2566 | 09:41 น.

เซ็นทรัล รีเทล เปิดเกมบุกค้าปลีกอัจฉริยะ ส่ง AI สร้างโลกช้อปปิ้งเสมือน “C-Verse” หวังดันยอด personal shopper โต 30%

หลังจากเซ็นทรัล รีเทล ตั้งเป้าสู่การเป็นเบอร์ 1 Next-Gen Omni Retailer แห่งเอเชีย ภายใต้ยุทธศาสตร์ CRC Retailligence  ล่าสุดเปิดตัวโมเดลค้าปลีกอัจฉริยะตัวใหม่ C-Verse หนึ่งในโปรเจ็กต์ที่อยู่ภายใต้ CRC Immersive Retail Platform ที่ใช้ Generative AI มาสร้างโลกเสมือนที่เชื่อมทุกช่องทางการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ โซเชียลมีเดีย Live Streaming และ Virtual Store ไว้ด้วยกัน

นางสาวณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจพาณิชย์ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นางสาวณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจพาณิชย์ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในฐานะที่ CRC พัฒนา CRC Immersive Retail Platform ซึ่งใช้เทคโนโลยีAI ในการเชื่อมต่อทุกช่องทางของการช้อปปิ้งเอาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์ ออนไลน์ โซเชียลมีเดีย Live Streaming และ Virtual Store  เพื่อสร้างประสบการณ์ การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และที่สำคัญคือสร้างช่องทางจำหน่ายใหม่ๆเพิ่มให้กับแบรนด์ พาร์ทเนอร์และคู่ค้าของCRC และเป็นหนึ่งใน vision ของ CRC ที่ต้องการนำเทคโนโลยีต่างๆมาสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า 

 

ทั้งนี้โปรเจ็กต์ C-Verse  เป็นโปรเจ็กต์ ภายใต้ CRC Immersive Retail Platform  ตามแผนการลงทุน 5 ปีภายใต้งบลงทุนหลายพันล้านบาท เบื้องต้นจะนำร่องที่ Top Club พระราม2 โดยสร้าง Digital Retail in Store ขึ้นมาซึ่งเป็นการยก Top Club ขึ้นมาอยู่บนโลกดิจิตอลเพื่อให้ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งบนโลกเสมือนได้ ลูกค้าสามารถเลือกอวตารและช็อปปิ้งผ่านแอพพลิเคชั่นC-Verse ได้เหมือนโลกจริง  สิ่งที่แตกต่างและเป็นที่แรกของโลกก็คือวิธีการนำเสนอสินค้าซึ่งลูกค้าสามารถสัมผัสผ่านปลายนิ้วเพื่อดูสินค้าได้  360 องศา

เจาะบิสิเนสแพลน  “C-Verse” โมเดลดันยอด personal shopper "CRC"

“C-Verse ของเรามีฟีเจอร์ที่โดดเด่นอยู่ 3 อย่าง  1 นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่ทำให้ลูกค้าสามารถสัมผัสสินค้าได้เหมือนหยิบจากเชลฟ์  สามารถหมุนดูสินค้าได้ 360 องศา เพื่อมองเห็นสินค้าได้อย่างละเอียด และสามารถซื้อสินค้าได้จริงไม่ใช่แค่ชม  2 เราใช้ตัว Generative AIเข้ามาเพื่อสร้างผู้ช่วยที่ทำหน้าที่แนะนำสินค้าต่างๆในรูปแบบเรียลไทม์  3 Application C-Verse สามารถเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนเป็นการช้อปปิ้งแบบ Omni Channel  และสามารถคอนเน็คกับลูกค้าจริงๆที่ Top Club พระราม 2 ได้ สามารถถ่ายรูปร่วมกันได้ หรือเล่นเกมด้วยกันได้”

ผู้บริหารยังกล่าวถึงเบื้องหลังการเลือก Top Club เป็นโมเดลนำร่องว่า “ เพราะ  Top Club มีสาขาเดียวที่พระราม 2  ซึ่งอาจจะไม่ได้ง่ายนักสำหรับลูกค้าที่จะเข้าไปช้อปปิ้งดังนั้นถ้าเราสามารถสร้าง Virtual Store ขึ้นมาได้ก็อาจจะทำให้ลูกค้าอยู่ที่ไหนก็ตามสามารถเข้าไปช้อปปิ้งได้ เป็นการเพิ่มความสดวกให้ลูกค้าช้อปผ่าน C-Verse และรอรับสินค้าที่บ้านได้เลย  หากได้รับการตอบรับที่ดีเราอยากจะพัฒนาต่อใน category ของ Beauty โดยจะสร้างเป็น Special Store เป็น World of Beauty ให้ลูกค้าที่สนใจเรื่องความงามเข้ามาช้อปปิ้งบนโลกเสมือนจริงได้ หรืออาจจะเพิ่มcategory เกี่ยวกับบ้านหรือของตกแต่งบ้านต่างๆ นี่คือสิ่งเราวางแผนกันไว้ 

AI ต้องมา CRC ปั้น “C-Verse” ดันยอดนักช้อปโต 30%

และในอนาคตเราอยากจะรวมธุรกิจในเครือหรือต่างประเทศ เช่น รีนาเชนเต (Rinascente) ประเทศอิตาลี มาใส่ในC-Verse เพื่อให้ลูกค้าในเมืองไทยหรือใครก็ตามในโลกสามารถเข้าถึงProduct ที่เราขายในยุโรป ซึ่งน่าจะ Complete ทุก Business ที่อยู่ภายใต้ CRC ประมาณ 3-5 ปี”

 

อย่างไรก็ตาม CRC ตั้งเป้าหมายสำหรับ C-Verse ว่าภายในปีนี้จะต้องมียอดดาวน์โหลด 30,000 ดาวน์โหลดจากลูกค้า The One ปัจจุบัน20 ล้านคน และคาดว่า platform นี้จะช่วยดันยอดขายในส่วนของ Personal Shopper เป็น 30% ภายในปีนี้จากปัจจุบัน 10%  ขณะที่สัดส่วนการขายจากช่องทางออนไลน์ในประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่ 8% 

 

“เราจะวัดความสำเร็จของ C-Verse  จากEngagementของลูกค้า ยอดขายและวัดจากหลายมิติ เพราะแพลตฟอร์มนี้ไม่ได้มุ่งเน้นการสร้างยอดขายอย่างเดียว แต่เน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาด้วยแน่นอนยอดขายก็เป็นผลพลอยได้”