ผ่ากลยุทธ์ ‘Xiaomi’ เล็งขึ้นแท่น เบอร์ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนโลก

05 พ.ย. 2564 | 10:16 น.

ไตรมาสที่ 2 ปี 2564 Xiaomi’ แบรนด์สมาร์ทโฟนจากจีน ก้าวขึ้นแท่นผู้นำตลาดเบอร์ 1 ในไทยเป็นที่เรียบร้อย จากการรายงานของบริษัทวิจัย Canalys รวมทั้งเป็นเบอร์ 1 ในตลาดเซาท์อีสเอเชีย และเป็นสมาร์ทโฟนอันดับ 2 ในตลาดโลก ด้วยการเติบโตที่ยากจะฉุดรั้ง

“Xiaomi (เสี่ยวหมี่)” ทำได้อย่างไร เรื่องนี้ “คามัล เหลียง” หรือ “KM” ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียวหมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้นำทัพเสี่ยวหมี่ มีคำตอบที่น่าสนใจมากๆ 
 

“KM” ผู้บริหารหนุ่มมากประสบการณ์คนนี้ เป็นคนมาเลเซีย เคยร่วมงานกับแบรนด์ต่างๆ มากมาย อาทิ Huawei Lenovo และ Nokia ก่อนเข้ามาจอยซ์กับเสี่ยวหมี่ เมื่อปี 2562 ด้วยความชำนาญในด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ (Product Marketing) และ กลยุทธ์ Go-to-Market ซึ่งทำหน้าที่เป็นสมองให้กับฟังก์ชั่นโอปอเรชั่น 

ผ่ากลยุทธ์ ‘Xiaomi’  เล็งขึ้นแท่น เบอร์ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนโลก

“ตอนเข้ามาร่วมงานกับเสี่ยวหมี่ ซีอีโอของเสี่ยวหมี่ ถามว่า มีเป้าหมายอย่างไร ผมบอกเขาว่า ต้องการผลักดันให้เสี่ยวหมี่ ก้าวขึ้นเป็นสมาร์ทโฟนเบอร์ 1 ของตลาดเซาท์อีสเอเชีย ซึ่งตอนนี้ผมทำได้แล้ว”

ผ่ากลยุทธ์ ‘Xiaomi’  เล็งขึ้นแท่น เบอร์ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนโลก

 ปี 2563 “KM” ได้เข้ามาดูตลาดเซาท์อีสเอเชีย ตอนนั้นมีพนักงานแค่ 88 คน เขาขยายทีมเพิ่มเป็น 250 คน และกำลังจะขยายอีกเป็น 350 คนในปีหน้า ซึ่งทีมงานของเขาทำหน้าที่ดูแลตลาด 10 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เมียนมา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไทย ตลาดนี้ เป็นตลาดของคนรุ่นใหม่ ซึ่งแมทช์กับเสี่ยวหมี่ ที่เป็นยังค์คัมปานี เป็นตลาดที่มีพลัง มีแรงกระตุ้นในการขับเคลื่อนที่ดี 
 

“ไม่เพียงแต่สมาร์ทโฟนที่เราจะให้ความสำคัญ ต่อไปเราจะให้ความสำคัญ AIoT (AI+IoT) ด้วยอุปกรณ์ที่จะเชื่อมต่อดีไวซ์ต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต เพื่อให้คนใช้งานได้รับศักยภาพในการใช้งานที่ดีขึ้น เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ AIoT ของเสี่ยวหมี่มีประมาณ 10% ของสินค้าของเรา และในอีก 3 ปี เราจะขยายเป็น 40%”
  ผ่ากลยุทธ์ ‘Xiaomi’  เล็งขึ้นแท่น เบอร์ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนโลก

“KM” เล่าว่า เสี่ยวหมี่ลงทุนในตลาด AIoT ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งตอนนั้น ยังไม่มีคู่แข่งเข้ามาทำตลาดนี้มากนัก และนั่นคือความได้เปรียบของเสี่ยวหมี่ เป้นหนึ่งในกลยุทธ์แห่งความสำเร็จที่เสี่ยวหมี่เดินหน้ามาอย่างต่อเนื่อง และจะขยายต่อไปอีก 
 

นอกจากนี้ เสี่ยวหมี่ยังมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน ด้วยคอนเซ็ปท์ Glocal ที่เป็นการผนวกระหว่าง Global Resource และ Local Talent ผสมผสานกับการบริหารทีมที่มีความยืดหยุ่น นำความรู้ความเข้าใจตลาดของ Local Talent ด้วยวิชั่น มิชชั่นของแบรนด์ โปรดักต์ที่ผลิตออกมา For everyone ในราคาที่ดี ลูกค้าสามารถจับต้องได้ ในขณะที่ฟังก์ชั่นการใช้งานก็พัฒนา ส่งโปรดักส์คุณภาพถึงมือลูกค้า ช่วยทำให้ “KM” สามารถบรรลุเป้าหมายตอบโจทย์ลูกค้าได้เข้าเป้า 
 

“KM” นำประสบการณ์ทั้งฝั่งอีสต์และเวสต์ มาเป็นไกด์ไลน์ในการทำงานด้วยสไตล์ของตัวเอง และเมื่อใช้เครื่องมือ GSA (Global Strategy and Action) ในการคุยกับทีม ทำให้ทุกคนพูดเป็นภาษาเดียวกัน มีความเข้าใจกัน แม้เศรษฐกิจในช่วงนี้จะยังไม่ค่อยนิ่ง แต่ด้วยความต้องการของตลาดที่มีอยู่ เสี่ยวหมี่สามารถออฟเฟอร์สินค้าคุณภาพให้กับตลาด ในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เสี่ยวหมี่ใช้มาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันด้วยการตั้งราคาที่ซื่ือสัตย์ จึงกลายเป็นคีย์ซัคเซสที่ทำให้แบรนด์เสี่ยวหมี่ ก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งในตลาดเซาท์อีสเอเชียและตลาดเมืองไทยในที่สุด
 

“การมาร่วมงานกับเสี่ยวหมี่ในภูมิภาคนี้ เป้าหมายแรกที่บอกกับซีอีโอเสี่ยวหมี่ไว้ คือ การทำให้เสี่ยวหมี่เป็นเบอร์หนึ่งในภูมิภาค ซึ่งขณะนี้ เสี่ยวหมี่ได้ตำแหน่งนั้นแล้ว ในอนาคต ผมจะทำงานให้หนักขึ้น เพื่อผลักดันให้เสี่ยวหมี่เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดโลก และจะนำโปรดักต์ใหม่ๆ เข้ามาในตลาดให้มากขึ้น”
 นั่นคือ คำมั่นสัญญาของผู้นำ “เสี่ยวหมี่”...“คามัล เหลียง”

หน้า 16-17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,728 วันที่ 4 - 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564