เปิดกรอบความคิด ผู้นำ StashAway บุกธุรกิจการลงทุนไทย

15 ต.ค. 2564 | 19:36 น.

“การเงินและการลงทุน” มีความสำคัญอย่างมากกับเศรษฐกิจทั้งในระดับบุคคล องค์กร ประเทศ และโลก...นั่นคือความจริงที่ประจักษ์ต่อสายตาของหลายๆ คน

รวมถึง “คุณทิม-ยศกร นิรันดร์วิชย”  CFA กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน สแทชอเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (StashAway) ซึ่งพบเจอกับวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ตั้งแต่ยังเรียนในระดับมหาวิทยาลัย จนทำให้เกิดความสนใจ และใฝ่รู้กับการเงินและการลงทุนอย่างเต็มที่ 

ก่อนที่จะร่วมงานกับ สแทชอเวย์ “ยศกร” มีประสบการณ์มากมาย ในสายการเงินการลงทุนโดยเฉพาะการเป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ธุรกิจให้กับผู้บริหารระดับสูง
เปิดกรอบความคิด ผู้นำ StashAway  บุกธุรกิจการลงทุนไทย

“ยศกร” มองเห็น Pain Point ของคนไทย ที่ถือเงินสดมากถึง 40-50% ของสินทรัพย์โดยรวม ซึ่งถือเป็นความเสี่ยง เพราะค่าของเงินจะลดลงเรื่อยๆ ตามภาวะเงินเฟ้อในแต่ละปี และสิ่งที่สำคัญคือ คนไทยกับเรื่องการเกษียณ หากเก็บเป็นเงิดสด เงินจะโตไม่ทันใช้ ซึ่งอันนี้ประเทศไทยมีปัญหามาก 
 

อีกหนึ่ง Pain Point ที่สำคัญของคนไทยคือ การลงทุนที่กระจุกตัวอยู่ในประเทศ เป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียเลยทีเดียว และนั่นคือความเสี่ยง เพราะการลงทุนในไทยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุุนในอุตสาหกรรมเก่า เช่น น้ำมัน อาหาร รีเทล ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศ จะมีอุตสาหกรรมที่เป็นอนาคตและเติบโตเร็ว เช่น เทคโนโลยี สุขภาพ พลังงานสะอาด ถือเป็นการกระจายความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น

 นี่คือ pain point ที่ “ยศกร” เห็น และเมื่อมีโอกาสพูดคุยกับซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งของสแทชอเวย์ ซึ่งมีความคิดเห็นตรงกัน มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ต้องการให้บริการที่ตอบโจทย์ pain point ทั้ง 2 ข้อ รวมทั้งยังมีแนวคิดและวิธีการทำงานที่สอดคล้องกัน เขาจึงได้เข้าร่วมงานและเริ่มเป็นผู้มีส่วนสร้าง สแทชอเวย์ ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2563  โดย สแทชอเวย์ เป็นสตาร์ทอัพผู้สร้างแพลตฟอร์มบริหารการลงทุน (Digital Wealth Management Platform) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 และมีการเติบโตอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท ภายในระยะเวลาน้อยกว่า 4 ปี 
 

“การเลือกทำงานกับที่นี่ เพราะมองว่า เราเชื่อโปรดักต์ของเขา และผมได้สร้างอะไรใหม่ๆ และมีส่วนในการแก้ปัญหาของไทย ผมวิเคราะห์ทีมงาน เรามีแนวทางการทำธุรกิจที่เหมือนกัน เป็นแนวทางการทำธุรกิจที่ตรงไปตรงมา ขาวสะอาด” 
  เปิดกรอบความคิด ผู้นำ StashAway  บุกธุรกิจการลงทุนไทย

ด้วยความเชื่อมั่นในองค์กรและโปรดักต์ “ยศกร” จึงเดินหน้าเริ่มสร้างรากฐานให้กับ สแทชอเวย์ ประเทศไทย ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นและทำให้สแทชอเวย์ เป็นที่ยอมรับของนักลงทุนไทย 

เมื่อมีความเชื่อมั่น “ยศกร” ก็ลุยเต็มที่ นักบริหารหนุ่มคนนี้ บอกว่า ในแง่โปรดักต์ เชื่อว่าสามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้ ทั้งในแง่ความจริงใจ และการทำให้การลงทุนเป็นเรื่องที่ง่าย ได้ประสบการณ์ที่ดี ด้วยการออกแบบการลงทุนแบบเฉพาะบุคคล โดยมีผลงานที่ผ่านมาจากหลายๆ ประเทศเป็นเครื่องช่วยการันตี และการร่วมพาร์ทเนอร์กับสถาบันการเงินขนาดใหญ่อย่างกสิกรไทย ผู้เข้ามาทำหน้าที่รับฝากทรัพย์สิน ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นได้ว่า เงินของเขาจะปลอดภัย 
 อีกส่วนที่สำคัญคือ เทคโนโลยี ที่ สแทชอเวย์ ให้ความสำคัญมากๆ อาทิ การทำ 3 แบ็คอัพไซด์ ที่ช่วยให้ระบบทุกอย่างปลอดภัย เรียกว่าบริหารปิดความเสี่ยงอย่างเต็มที่
  เปิดกรอบความคิด ผู้นำ StashAway  บุกธุรกิจการลงทุนไทย

ส่วนการก่อร่างสร้างองค์กร เขาเริ่มตั้งแต่การเลือกคนเข้าร่วมงาน ทุกตำแหน่งสัมภาษณ์กันเยอะมาก ยาวมาก คนต้องมีศักยภาพจริงๆ และเขาต้องไฟ มีแรงจูงใจ (Motivation) และเชื่อในองค์กร เมื่อได้คนที่ใช่แล้ว ก็ต้องให้เข้ามาความรับผิดชอบให้ได้มากที่สุด ถ้าเขามีความรู้สึกเป็นเจ้าของและได้รับผิดชอบมาก จะทำให้เขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท (Ownership Mindset) จะทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่ต้องทำคืออะไร โดยทีมงานสามารถกำหนดวิธีการทำงานของเขาเองได้ ภายใต้ซัพพอร์ตซีสเต็มที่ดีจากองค์กร...เราโฟกัสที่ผล มากกว่า กระบวนการทำงาน และพวกเราพร้อมซัพพอร์ตกันมากๆ

“หลังจากนั้น เราต้องให้ความยืดหยุ่นกับทีมงาน เช่น พนักงานของเรา ลากี่วันก็ได้ เราไม่กำหนดวันลา เพราะเราได้คนที่มีความรับผิดชอบแล้ว เขาก็กำหนดวันลาของตัวเขาเองได้เลย และให้เขาไปทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก 8 อาทิตย์ต่อปี  และมีงบการเรียนรู้ สองหมื่นกว่าบาทต่อปี เขาอยากเรียนรู้อะไร ก็ไปเรียนเลย” 
  เปิดกรอบความคิด ผู้นำ StashAway  บุกธุรกิจการลงทุนไทย

“ยศกร” ย้ำว่า สแทชอเวย์ เป็นองค์กรที่มี Growth Mindset มากๆ ทุกคนคิดว่าตัวเองยังสามารถดีขึ้นได้อีกเสมอ เรายังเป็น Work in progress ที่ยังต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
 

ขณะนี้ ธุรกิจของสแทชอเวย์ในประเทศไทย ยังถือเป็นช่วงก่อร่างสร้างตัว แต่เขาก็เชื่อมั่นว่า สแทชอเวย์ จะสามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดด ด้วยความหวังที่อยากก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งหรือสอง ภายในระยะเวลาสองปีในวงการธุรกิจนี้ เพราะการลงทุนในต่างประเทศ มีการเติบโตมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากปี 2563 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 8.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.5% จากปี 2562 ขณะที่ตัวเลขนักลงทุนที่ออกไปลงทุนต่างประเทศแบบรายบุคคลเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 8,971 คนในเดือนพฤศจิกายนปี 2562 เป็น 15,660 ในเดือนพฤศจิกายนปี 2563 และโตขึ้นเท่าตัวเป็น 34,897 ในเดือนพฤษภาคมปี 2564
 

เพราะฉะนั้น หาก “ยศกร” สามารถทำให้คนไทยเชื่อมั่นว่า “สแทชอเวย์” จะเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์เพื่อนคู่คิดที่จริงใจกับนักลงทุนได้ การก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งหรือสองอย่างที่วาดหวัง ก็ไม่น่าจะยากเกินไป

หน้า 16-17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,722 วันที่ 14 - 16 ตุลาคม พ.ศ. 2564