กรรมของพระสงฆ์

23 ม.ค. 2568 | 04:30 น.

กรรมของพระสงฆ์ คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

คนเราไม่ว่าจะอยู่ในเพศ ฆราวาสหรือนักบวช ต่างก็ต้องประสบกับคำว่า กรรมเก่า แม้จะเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หรือเป็นพระสงฆ์ ที่มีสมณศักดิ์ ใหญ่โตเพียงใดก็ตาม ก็มิอาจรอดพ้นกับคำว่ากรรมได้

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจสภะ)​ วัดมหาธาตุฯ เมื่อครั้ง ที่มีสมณศักดิ์เป็น "พระพิมลธรรม" ก็เคย ประสบ กับเศษบาปเศษกรรมบางอย่าง ที่เข้ามาในชีวิตของท่าน และเรื่องราวของท่านนี้ช่างน่าศึกษาและน่าสนใจยิ่งนัก ในมุมของพระพุทธศาสนาในแง่ของกรรม

 

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภะ)​

 

พระพิมลธรรมเมื่อครั้ง ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุเป็นผู้ส่งเสริมวิปัสสนาธุระเป็นอย่างดีด้วยการนำเอาแนวทางสติปัฏฐาน 4 มาจากประเทศพม่าด้วยการฝึกอุบายยุบหนอพองหนอ โดยให้คณะ 5 ของวัดมหาธาตุ เป็นที่ฝึกวิปัสสนา สมัยผมเป็นเด็กๆ เคยเข้าไปในคณะ 5 เห็นทั้งพระไทยพระฝรั่ง พระ ชาวอีสานชาวลาว มาฝึกกรรมฐานกันมากมาย 

แต่เรื่องราวของพระพิมลธรรมที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2503 เป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่ง เพราะท่านถูกโจทก์ จนต้องอธิกรณ์ ด้วยข้อกล่าวหาว่าเสพเมถุนทางเวจมรรคกับลูกศิษย์ และมีข่าวว่าพระศาสนโศภน (ปลอด อตฺถการี) อยู่กับสีกาสองต่อสองในที่ลับหูลับตาหลายครั้ง

 

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปลด กิตฺติโสภโณ)​

 

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปลด กิตฺติโสภโณ)​ สมเด็จพระสังฆราช จึงมีพระบัญชาให้ทั้งสองรูปพ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่ทั้งสองรูปปฏิเสธ โดยตั้งใจจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน

คณะสังฆมนตรีของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน อุฏฺฐายี) จึงมีมติว่าทั้งสองรูปฝ่าฝืนพระบัญชา ไม่ควรอยู่ในสมณศักดิ์ต่อไป ให้ถอดทั้งสองรูปออกจากสมณศักดิ์ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2503 

ต่อมาใน พ.ศ.2505 พระมหาอาจได้ถูกทางการกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ จึงถูกบังคับสึกเป็นฆราวาสแต่ท่านมิได้กล่าวเอ่ยคำลาสิกขาบทใดๆ และจำคุกอยู่ที่กองบังคับการตำรวจสันติบาลอยู่หลายปี ในขณะติดคุกก็ปฏิบัติตนเช่นเมื่อครั้งเป็นพระภิกษุอยู่

จนกระทั่งศาลทหารสามารถพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความเท็จ และตัดสินยกฟ้องเมื่อ พ.ศ.2509

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรจึงโปรดให้พระเถระทั้งสองรูป คืนสู่สมณศักดิ์เดิมตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2518 โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ไปรับและถวายคืนสู่สมณเพศและสมณศักดิ์

นี่นับเป็นกรรม อย่างหนึ่งของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภะ)​ ครั้นสิ้นเรื่องราวของท่านแล้ว ต่อมาขอเล่าถึงบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับกรรมนี้อีกกล่าวคือ

เมื่ออดีตพระพิมลธรรมช่วงที่อยู่เรือนจำนั้น

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปลด กิตฺติโสภโณ)​ เกิดอุบัติเหตุรื่นล้มในห้องน้ำ สิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา จึงตั้งสมเด็จพระสังฆราช (อยู่) ​วัดสระเกศ ปกครองสังฆมณฑล สืบต่อครองอยู่ได้ไม่นานก็สิ้นพระชนม์

 

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน อุฏฺฐายี)

 

จากนั้นตั้งสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน อุฏฺฐายี) ได้ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช ทรงดำรงตำแหน่งได้เพียง 6 ปี ก็เกิดอุบัติเหตุ ถูกรถสิบล้อชนขบวนรถที่นั่งของ สมเด็จพระสังฆราช (จวน)​ จนยับเยิน สมเด็จพระสังฆราช (จวน)​ สิ้นพระชนม์

ทั้งสมเด็จพระสังฆราช (ปลด)​ สมเด็จพระสังฆราช (จวน)​ ต่างมีกรรมผูกมาแต่กับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภะ)​ ทั้งสองสมเด็จพระสังฆราช สิ้นพระชนม์ด้วยไม่ปกติวิสัยมนุษย์ คือ ท่านหนึ่งลื่นล้ม อีกท่านหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ

 

รถยนต์ของสมเด็จพระสังฆราช จวน เกิดอุบัติเหตุ

 

กระทั่งในยุคนั้นมีเสียงร่ำลือกล่าวกันว่า พระพิมลธรรมหรือสมเด็จพุฒาจารย์ (อาจ)​ เป็นผู้มีกุศลเจตนาในจิตใจอย่างมาก ในเรื่องการประพฤติปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็นมหากุศลที่ค่อนข้างแรง ดังนั้นบุคคลใดก็ตาม ที่ร่วมกล่าวหา กล่าวโจทก์ท่านจนต้องอธิกรณ์ ต่างก็ได้รับผลในการลาลับดับขันธ์ ในเหตุที่แตกต่าง แต่ที่สำคัญเหตุนั้นๆ ไม่พึงควรเกิดขึ้นกับพระภิกษุ แต่ก็เกิดได้... ราวมกับมีกรรมสืบเนื่องต่อกันและกัน

ดังนั้น กรรม จึงมีจริงโดยมิต้องสงสัยแต่ประการใด ไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยม ทำกรรมใดไว้เรื่องอะไร กับใคร ก็ย่อมต้องได้รับสนองย้อนคืนนั่นแล ในไม่ช้าก็เร็ว