เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อกองทุน IPO

18 ก.ค. 2565 | 06:05 น.

หลายคนอาจสงสัยว่า การซื้อกองทุน IPO ต้องดูอะไรบ้าง เนื่องจากเป็นกองทุนเปิดใหม่ยังไม่มีผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และยังไม่ได้มีการพิสูจน์ฝีมือของผู้จัดการกองทุน แต่สามารถเริ่มต้นดูได้ง่าย ๆ จากอ่านหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ หรือ Fund Fact Sheet

มีนักลงทุนหลายคนอาจเข้าใจว่าถ้าไม่ซื้อกองทุนรวมที่เปิดขายวันแรก หรือที่เรียกว่า กองทุน IPO อาจจะสายเกินไป คำตอบคือ การลงทุนไม่มีคำว่าสายเกินไป ขอเพียงแค่ศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ ถามตัวเองให้ดี ๆ เพราะหากกระโดดเข้าไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าอาจได้รับความเสียหาย ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงและทำให้แผนการลงทุนบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ ก่อนตัดสินใจซื้อกองทุน IPO ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วน

 

ฉัตรี ชุติสุนทรากุล CFP® นักวางแผนการเงิน สมาคมนักวางแผนการเงินไทย ให้คำแนะนำว่า อันดับแรกต้องถามตัวเองก่อนว่า กองทุนที่จะซื้อ “ใช่ที่ต้องการหรือไม่” เช่น ต้องการลงทุนหุ้นก็ต้องซื้อกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ต้องการลงทุนตราสารหนี้ก็ต้องซื้อกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ เป็นต้น  

 

โดยข้อมูลที่นักลงทุนสามารถศึกษาได้เบื้องต้น คือ เอกสารที่เรียกว่า Fund Fact Sheet หรือหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ซึ่งจะให้ข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่ควรทราบเกี่ยวกับกองทุนรวมนั้น ๆ เพื่อนำมาใช้พิจารณาว่าการลงทุนในกองทุน IPO ตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนหรือไม่ มีดังนี้

 

Theme การลงทุน หรือกรอบในการคัดเลือกสินทรัพย์ลงทุน เช่น กลุ่มพลังงานสะอาด กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มตราสารหนี้ กลุ่มตลาดกำลังพัฒนา เป็นต้น โดยนำมาพิจารณาว่า Theme ดังกล่าวอยู่ในความสนใจของตัวเองหรือไม่ แตกต่างหรือเหมือนกับกองทุนรวมที่มีอยู่แล้วในพอร์ตอย่างไร จากนั้นก็อ่านข้อมูลสินทรัพย์ลงทุนนั้น ๆ ว่ามีแนวโน้มการเติบโตเป็นอย่างไร

 

 

นโยบายการลงทุน โดยศึกษาว่ากองทุน IPO นั้นลงทุนในสินทรัพย์อะไร เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว (Master Fund) หรือหลายกอง และมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทเท่าไร กลุ่มสินทรัพย์ที่กองทุนจะถืออยู่ในพอร์ตมีอะไรบ้าง ทำให้สามารถติดตามสถานการณ์ข้อมูลของสินทรัพย์ลงทุนได้อย่างถูกต้อง รวมถึงติดตามการดำเนินงานของกองทุนเมื่อลงทุนไปแล้ว

 

กลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกหรือเชิงรับ หากเป็นกองทุนเชิงรุก (Active Fund) คือ กองทุนที่ต้องการเอาชนะตลาดหรือดัชนีชี้วัด (Benchmark) ด้วยการหาสินทรัพย์ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด โดยใช้ทักษะฝีมือของผู้จัดการกองทุนมาเป็นตัวตัดสิน ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนได้ง่ายตามสภาวะของตลาดในขณะนั้น ๆ ส่วนกองทุนเชิงรับหรือกองทุนอิงดัชนี (Index Fund) เป้าหมาย คือ พยายามเลียนแบบให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (Benchmark) ให้มากที่สุด

 

ระดับความเสี่ยงของกองทุน ควรนำมาเปรียบเทียบว่ามากหรือน้อยกว่าระดับความเสี่ยงที่ตัวเองสามารถยอมรับได้ ด้วยการทำแบบประเมินความเสี่ยง หมายความว่า ก่อนซื้อกองทุน IPO ต้องรู้ระดับความเสี่ยงของตัวเองก่อน เช่น ถ้ารับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูงก็สามารถลงทุนกองทุนหุ้นได้ แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้ต่ำก็ควรเน้นลงทุนกองทุนตราสารหนี้

 

ผลตอบแทนย้อนหลังเทียบกับ Benchmark เนื่องจากกองทุน IPO เป็นการระดมทุนไปลงทุนสินทรัพย์ลงทุนที่มีอยู่แล้วในตลาด โดยสามารถดูผลตอบแทนย้อนหลังของสินทรัพย์ลงทุนนั้น ๆ จากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ซึ่งจะมีการแสดงผลตอบแทนย้อนหลัง

 


 

ข้อมูลประกอบอื่น ๆ เช่น เป็นกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลหรือไม่ เป็นกองทุนเปิดทั่วไปหรือกองทุนปิด มีการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือไม่ หรือหากไปลงทุนต่างประเทศ ลงทุนด้วยสกุลเงินอะไร และมีการป้องกันอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่ เป็นต้น

 

ข้อดีของการซื้อกองทุน IPO

 

ทันโลก : กองทุน IPO มักจะมี Theme การลงทุนที่ตอบโจทย์เทรนด์เศรษฐกิจโลกในยุคปัจจุบันและอาจมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต
 

ทันโปร : บริษัทผู้ออกกองทุน มักจะมีส่วนลดค่าธรรมเนียมกองทุนให้หรือยกเว้นค่าธรรมเนียมกองทุนในช่วง IPO ทำให้นักลงทุนมีต้นทุนที่ถูกลงและมีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้น

 

ทันเพื่อน : ในการยื่นขอออกกองทุน IPO บริษัทผู้ออกกองทุนจะมีการกำหนดจำนวนเงินลงทุนของโครงการเอาไว้ ดังนั้น กองทุนที่ได้รับความนิยมเพราะประเมินว่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดีในอนาคตอาจถูกจองซื้อหมดไปตั้งแต่ช่วง IPO และหากมีนโยบายลงทุนที่สอดคล้องกับสไตล์การลงทุนของตัวเองก็ไม่ควรพลาดการลงทุนในช่วง IPO
 

ข้อเสียกองทุน IPO

 

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าราคากองทุน IPO 10 บาทต่อหน่วย “เป็นราคาที่ถูก” เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกันที่ซื้อขายอยู่ในตลาดแล้วและมีราคามูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ต่อหน่วยที่สูงกว่า 10 บาท ซึ่งความเป็นจริงเมื่อกองทุน IPO ดำเนินงานมาเรื่อย ๆ ราคา NAV ต่อหน่วยอาจสูงหรือต่ำกว่า 10 บาทต่อหน่วยก็ได้ โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ NAV นั้นมีหลากหลาย เช่น คุณภาพของสินทรัพย์ลงทุน ความสามารถของผู้จัดการกองทุน หนี้สินและค่าใช้จ่าย หรือการจ่ายเงินปันผล

 

ดังนั้น การซื้อกองทุน IPO ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ไม่ง่าย เพราะต้องศึกษาข้อมูลไม่ต่างจากการซื้อกองทุนที่ขายอยู่ในตลาด เพราะการตัดสินใจซื้อกองทุนสักกองก็ต้องเลือกให้ถี่ถ้วน เพราะถ้าเลือกกองผิดตั้งแต่เริ่มต้น อาจทำให้พอร์ตลงทุนโดยรวมรวนเรได้

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

 

อ้างอิงที่มา  : www.setinvestnow.com