BDMS BH … เมื่อหุ้นโรงพยาบาล เข้า ICU

*** ในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลใหญ่ในตลาดหุ้น น่าจะมีเพียง BDMS และ BH เท่านั้น ที่เจ๊เมาธ์คิดว่าพอจะจับคู่เปรียบเทียบกันได้ ซึ่งหากอ้างอิงข้อมูลก่อนหน้านี้หลายเดือนจะเห็นได้ว่า ในฝั่งของ BH เคยมีสัดส่วนรายได้ชาวต่างชาติสูงราวๆ 65% 

ในขณะที่ BDMS มีราว 30% และกลุ่มตะวันออกกลาง BH มันสัดส่วนสูงถึง 25% ขณะที่ BDMS อยู่เพียง 4% กำไรในไตรมาส 3/66 พบว่า BH มีกำไรเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา 

ขณะที่เมื่อเทียบกับ BDMS ที่กำไรเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งจากข้อมูลที่ว่านี้ดูเหมือนในฝั่งของ BH น่าจะได้เปรียบอยู่มากพอสมควร 

อย่างไรก็ตาม เท่าที่เจ๊เมาธ์แอบไปสืบมาหลังราคาหุ้นของ BH ปรับราคาลงอย่างน่าสงสัย เจ๊กลับพบข่าวลือที่ว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาฐานลูกค้าชาวต่างชาติของ BH กำลังถูกโยกย้ายไปยังทางฝั่งของ BDMS เนื่องจากนายหน้าที่หางานส่งให้ BH มีข่าวว่าไม่พอใจที่ถูกปรับลดผลประโยชน์ลงหลายอย่าง 

ในขณะที่ทางฝั่งของ BDMS ก็มีการแจกโบนัสพิเศษ ให้กับพนักงานหลังจากรายได้ของโรงพยาบาลทะลุเป้าอยู่บ่อยๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา  

เอาเป็นว่าไม่ต้องเชื่อ...เอาไว้รอดูผลการดำเนินงานงวดปี 67 ลากยาวไปถึงไตรมาสแรกของปี 68 ก็น่าจะชัดเจนว่า จะเป็นไปอย่างที่เจ๊เมาธ์บอกเอาไว้หรือเปล่านะคะ 

*** หลังจากที่ DELTA โดนหางเลขที่มาจากปรากฏการณ์ DeepSeek ซึ่งส่งผลกระทบผ่านมาทางหุ้นเทคฯ ของสหรัฐ อย่าง NVIDIA จนเป็นเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นของ DELTA ออกอาการเสียทรง ก่อนที่จะเริ่มตั้งหลักได้ แต่ก็ทำได้ไม่นาน... 

เพราะล่าสุด Alibaba จากประเทศจีน เจ้าเก่า ก็ได้เปิดตัว AI ตัวใหม่ ในเวอร์ชั่น Qwen 2.5-Max ออกมา “ขย่มซ้ำ” พร้อมยังเคลมว่า มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า DeepSeek-V3 รวมไปถึง GPT-4o ของ OpenAI และ Llama-3.1-405B ของ Meta ในหลายเกณฑ์วัดประสิทธิภาพ หรือจะพูดตรงๆ ก็คือถึงแม้ AI ของจีนจะถูกจำกัดด้วยทรัพยากรจากการคว่ำบาตรในทุกวิธีการ แต่ก็ยังสามารถสร้างผลงานที่ดีกว่า AI ที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมจากฝั่งอเมริกาได้นั่นเอง

เมื่อ AI ของจีนยังขย่มไม่หยุด ราคาหุ้นเทคฯ ของสหรัฐ อย่าง NVIDIA เริ่มออกอาการเสียทรงรอบใหม่ ขณะเดียวกัน ในเมื่อ AI ของจีนไม่ต้องใช้ทรัพยากรดีที่สุด ยังทำได้ดีกว่า ก็ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักเริ่มตั้งคำถามว่า ราคาหุ้นเทคฯ ทั้งหลายราคาสูงเกินไปหรือไม่!!! 

ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจที่โคตรหุ้นอย่าง DELTA ที่แม้จะไม่เกี่ยวข้องกันกับ NVIDIA โดยตรงก็ถูก “หางเลข” จากคำถามที่ว่า “ราคาหุ้นสูงเกินไปหรือไม่” จนมีอาการจะไปต่อไม่เป็นอย่างที่เห็นนี่เอง 

*** บอกตรงๆ ว่า แม้เจ๊เมาธ์จะเป็นห่วงนักลงทุน แต่เจ๊ก็ยังแอบเอาใจช่วย หุ้นไอพีโอน้องใหม่อย่าง MOTHER ซึ่งกำลังจะเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาด mai ด้วยหุ้นไอพีโอจำนวน 86 ล้านหุ้น ที่ราคาจองซื้อหุ้นละ 1.40 บาท ให้สามารถก้าวข้ามการเป็นหุ้นไอพีโอที่ต่ำจองได้อีกสักตัว เพื่อที่ตลาดหุ้นไอพีโอของไทย จะกลับมาได้รับความมั่นใจอีกครั้ง 

เพราะแม้ว่า MOTHER จะไม่ค่อยถูกพูดถึง มาแบบเงียบๆ หงิมๆ แต่เนื่องจากอัตรากำไรสุทธิเพียงเปอร์เซ็นต์กว่าๆ ซึ่งถือว่าต่ำมากๆ มันก็ทำให้เจ๊ออกอาการ “เสียวสันหลัง” แทนนักลงทุนอยู่ดี!!!

อย่างไรก็ตาม...แม้ว่าอัตรากำไรสุทธิจะบางมาก แต่เมื่อเทียบกับปริมาณหุ้นไอพีโอ เพียง 86 ล้านหุ้น รวมไปถึงการที่อาจจะมี MM ใจกล้าเข้ามาช่วยก็มีความเป็นไปได้ที่ MOTHER จะสามารถยืนราคาสูงเหนือจองในการซื้อขายวันแรก  

บอกได้แค่ว่าของแบบนี้ดูถูกกันไม่ได้... เอาไว้ถึงเวลาเจ๊เมาธ์จะมาสรุปให้ฟังกันอีกทีเจ้าค่ะ