ท่านใดที่ทนฟังภรรยารำพึงได้เป็นวรรคเป็นเวร ก็น่าจะทนอ่าน “วิชาพิสดาร” ได้ไม่น้อยหน้ากว่ากัน
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เอาไม้ดอกสองกระถาง สูงขนาดกลางสองต้น เอามาจัดวางแยกไว้กันต้นละห้อง เปิดแอร์ให้ทุกวันกันเฉา ห้องแรก เปิด เพลงคลาสสิก ให้ไม้ดอกฟัง! ห้องสอง เปิด เพลงร็อค ให้ไม้ดอกฟัง!
เวลาล่วงเลยผ่านไปราวๆ 1 สัปดาห์ ไม้ดอก ห้องแรก ดอกและใบแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีดอกร่วงบ้างตามธรรมชาติสัก 3 - 4 ดอก ไม้ดอก ห้องสอง ดอกร่วงเกินกว่า 10 ที่ยังอึดไม่ยอมร่วงก็ดูจะเฉาผิดปกติ
นึกมุกเลวๆ เอามาล้อเล่นว่า ภรรยา กับ กิ๊ก นัดกันมาด่าไม่ยั้ง จะวางเดิมพันดูสิ ดอกจะร่วงน้อยหรือมาก (ฮา)
บันไดขั้นแรกในการตั้งหลักให้รู้จักคิดประดิษฐ์ภูมิปัญญา อยู่ที่ “คุณ” + แม่ กับ “คุณ”+ พ่อ
คือ “การชักจูงให้ทารกฟังเพลงกล่อม” ควรจะเปิดให้ลูกฟังวันละ 1 ครั้งๆ ละ 10-15 นาที ให้ลำโพงอยู่ห่างหน้าท้อง 1 ฟุต หรือ ใช้หูฟังไซซ์ใหญ่ เปิดเสียงดังอีกสักหน่อย การฟังของทารกเริ่มขึ้นเมื่อการตั้งครรภ์ในช่วง ไตรมาสที่ 2 ทารกจะได้ยินเสียงต่างๆ จากภายนอก เช่น เสียงพูดคุย เสียงเพลง ท่าทีในการตอบสนอง จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุครรภ์อยู่ในช่วงไตรมาสที่ 3
ผมเคยอยู่ บ้านเช่าห้องที่สอง ซอยวัดยี่ส่าย ถนนจรัญสนิทวงศ์ กลุ่มเด็กช่างกล อยู่ห้องที่แปด ตกค่ำจะได้ฟังเพลงวงนักเลงสุราร้องเพลงปลุกใจกันอึกทึกสนั่นลั่นซอย เนื้อเพลงเขาแต่งกันเองตามใจชอบ ผมฟังจนจำได้ก็เลยร้องมั่ง “เทวดา หน้าอินทร์ หน้าพรหม จะโศก จะตรม ช่างแม่งมันปะไร ตัวกูไม่ใช่ตัวใคร ตายแล้วเกิดใหม่ มันเรื่องของกู” (ฮา)
ร้องไปได้สักสองสามรอบเขาก็ส่งตัวแทนมาถามผมว่า “มึงร้องเพลงนี้ ล้อเลียนพวกกูเหรอ” ผมบอกเขาว่า “เปล่าครับ ผมร้องเพราะรู้สึกว่าเพลงนี้สนุกดี” ฑูตมรณะก็รำพึงก่อนจะจากไปว่า “แล้วไป นึกว่าจะลองของ!” เฮ้อ ปาดเหงื่อแทบไม่ทัน ผู้ใดตั้งครรภ์ ผมอาสาไปร้องเพลงนี้ให้ทารก ฟัง คลอดออกมาแล้วคาดว่าเขาจะมีแววเป็นนักร้องเพลงร็อค อิๆ…
Dr. Leon Thurman นักวิจัยของ USA ร่วมกับ ศ. Donald J. Shetler Eastman School of Music ม. Rochester Dr.Thomas R.Verny จิตแพทย์ ม.ฮาร์วาร์ด ลงความเห็นสอดคล้องกันว่า เวลายามเย็นเป็นช่วงที่ทารกจะตื่นมาฟังเพลงขณะอยู่ในครรภ์ เขาจะรู้สึกสนใจใฝ่จำแล้วนำมาคิด นับว่ามีส่วนช่วยในการพัฒนา I.Q. เขาจะ ฉลาด คิดไว อารมณ์ดี
ถ้าฟัง เพลงคลาสสิค จะรู้สึกผ่อนคลาย ฟังเพลงคึกคักก็กระตุ้นให้เคลื่อนไหว เด็กจะเกิดมาแข็งแรง เมื่อเขาได้ยินเสียงเพลงนี้จากคุณแม่หลังจากคลอดแล้ว เขาจะไม่งอแง น่าทึ่งที่เขาจะสนใจเพลงนั้นเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ศ. Woodward ม. เคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ทำการศึกษาพบว่า “ไม่ควรเปิดเพลงร็อกให้ทารกในครรภ์ฟัง เขาจะดิ้นอย่างรุนแรง หัวใจจะเต้นไม่สม่ำเสมอ”
อย่าเผลอนึกว่า เรา คือ คนแรกที่ได้ซื้อและได้นั่งรถเก่งบรมแพงคันงาม ก่อนที่เราจะได้นั่งรถคันนั้น มีผู้ชำนาญการฝ่ายทดสอบได้นั่งเป็นคนแรกก่อนเรา เพราะเขาได้นั่งก่อนนั่นแหละ เราจึงได้ใช้รถดีที่มีคุณภาพ ถ้าเขาไม่นำร่องทดสอบก่อน ก็อาจจะกลายเป็นรถคันซวย ที่พาเราลงข้างทางก็เป็นไปได้ คนที่เห็นคุณค่าของผู้ที่ “ทดสอบอุ่นเครื่อง” จะมีปัญญาหลักแหลม พอๆ กับคนที่อ่าน “คำนำ” ก่อนจะเรียนรู้วิชาอื่นใดในแต่ละบท
อริสโตเติล ท่านกล่าวไว้น่าสนใจยิ่งนักว่า: “การรู้จักตนเองเป็นจุดเริ่มต้นของปัญญาทั้งมวล” ผมต้องกราบเท้า ท่านอริสโตเติล เพื่อขอประทานอนุญาตนำเสนอเพิ่มเติมอีกนิดว่า “การรู้จักพี่เลี้ยง เป็นจุดเริ่มของการงอกราก ก่อนที่จะคืบหน้าเป็น ต้น กิ่ง ก้าน ใบ ดอก ผล ของปัญญาทั้งมวล”
ลูกๆ ทั้งหลายในสากลโลกเคยรู้บ้างไหมว่า ก่อนที่ตัวเองจะลงมือสตาร์ทสมอง คนที่เป็นผู้ริเริ่มเติมน้ำใจด้วยการอุ่นเครื่องและสรรค์สร้างการ เรียนรู้ให้เราก่อน คือ “คุณ” + แม่ กับ “คุณ”+ พ่อ ถ้าบัณฑิตในทุกสถาบันไหว้ครูก่อนจะแสดงคล้ายๆ กับคนที่เรียนจบ ม.ศิลปากร คงจะน่ารัก และขลังไม่ใช่น้อย
ผู้ที่รู้จักศิลปะในการสื่อให้ได้ความ ด้วยการประดิษฐ์มุก เพื่อเสริมแรงให้ผู้อ่านมี ปัญญา กับ รอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะ คือ นักวาดภาพการ์ตูน
ผมเดินถือ ออกมาจากร้านหนังสือ มีนักศึกษาทักว่า “อาจารย์ไม่ใช่เด็กนะ ความรู้ก็เยอะแล้ว ยังจะอ่าน ขายหัวเราะ อีกเหรอ” ผมบอกเขาว่า “คนที่สามารถคิดแล้วเขียนการ์ตูน ภาพเดียว แล้วทำให้คนดูรู้ความหมายว่า ก่อนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นมันจะเกิดอะไรอีก สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นมันน่าขำชะมัดยาด ผมว่าปัญญาเขาไม่ธรรมดานะ อย่างน้อยที่สุด เขาจบเพาะช่างแหละ!”
ตบท้ายด้วย การ์ตูนมหาสนุก มุกเขาก็เปรี้ยงนะ…
“แม่ฮะ ผมอยากเรียนพิเศษมั่ง ผลสอบจะได้คะแนนเต็มเลยฮะ”
“สุดยอดเลยลูก จะได้แตกฉาน”
“เอ่อ ไม่ใช่งั้นนะฮะ คือว่า ครูสอนพิเศษคนนั้น ท่านจะบอกคนที่มาเรียนพิเศษด้วยว่า ข้อสอบจะออกอะไร เราจะตอบยังไงถึงจะได้คะแนน เจ๋งเป้งลยฮะ” (ฮา)