ขออัญเชิญธง “ประดิษฐ์ปัญญา!” มาฝากไว้ในใจ พจนานุกรมไทย แปลว่า “ประดิษฐ์” คือ “คิดทำขึ้น” ช่างสอดรับกับคำว่า “ปัญญา” คือ “ความฉลาดที่เกิดจากการเรียนและการคิด!” ดังนั้น “ประดิษฐ์ปัญญา!” หมายถึง “ผู้เรียนใช้ความรู้ไปทำสิ่งที่คิดขึ้นมาเพื่อไว้กินไว้ใช้!” จุดเด่นว่าด้วย “ประดิษฐ์ปัญญา!” มุ่งเน้น “มนุษย์ตัวเป็นๆ เป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติ!”
กลิ่นกาแฟโชยกลิ่นฟุ้งพุ่งเข้าจมูกจากทุกบู้ธในพื้นที่จัดงาน AI Maeketing For Café ที่ ไบเทค บางนา เมื่อ 28 ต.ค. 2566 ผู้บริหารโครงการเชิญผมในฐานะเป็น คอนเทนท์ ครีเอเตอร์ ไปร่วมเสวนาเกี่ยวกับ ผลกระทบ จาก AI และ การตลาดที่ผันแปรตามกระแสไลฟ์สไตล์ธุรกิจในทุกแง่ทุกมุม หลังจากยึดไมค์เอาไว้ได้ ผมก็มุดเข้าประเด็นเล่นกับ AI ในทันทีว่า…
“ห้ามดูแคลนอะไรในโลกนี้แม้แต่น้อย บ้านใครอยู่ใกล้ริมน้ำก็ควรจะมี ขวดน้ำขนาดห้าลิตร สำรองเผื่อไว้ว่า ถ้ามีน้ำหลากให้กอดขวดไว้แน่นๆ จะได้พยุงตัวไว้ได้พอสมควร ยกเว้น ถ้ามีเสียง บุ๋มๆ บุ๋มๆ แสดงว่า มีแต่ขวดแต่ไม่มีฝา (ฮา)
จัง จาร์ค รุสโซ พูดเตือนสติไว้ตั้งนานแล้วว่า เทคโนโลยี่มีพัฒนาการสูงขึ้น มนุษย์ก็จะยิ่งอ่อนเปลี้ยมากมาย จีนเทา กับ AI ใครจะเฮี้ยนกว่ากัน มันก็ตอบยาก หลักการต่อสู้จึงมีอยู่ว่า ถ้าเราฆ่าเขาไม่ตาย เราต้องหวนกลับมาป้องกันตัวเองเอาไว้ให้แน่นหนา!” (ปรบมือรัวๆ…)
“ถ้าเราปล่อยให้ AI คิดเองตามลำพัง ผมเชื่อว่าเขายังไม่พี้คพอที่จะแต่งสำนวนล่อเหยื่อด้วยเนื้อหา คนไทยเรานี่แหละสันทัดการเล่นสำบัดสำนวนกันดีนัก ครั้นเมื่อขอให้คิดสำนวนทำมาหากินกลับยึกยักชักช้า ไม่กล้างัดปัญญาออกมาอวด ผมจะลองคิดสดๆ ให้ฟังเป็นตัวอย่างว่า คิดจะมาพบคอกาแฟ ใจแน่วแน่ต้องชงเต็มกา อะไรทำนองนี้”
ก่อนจะแบไต๋ไคลแมกซ์ ขอรบกวนแวะซดมุกกาแฟ ซัก ถ้วยหนึ่ง นะคร้าบ….
หลังจากประเทศเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ “เฒ่าแก่” เอาแต่นอนมานานปี ก็เด้งตัวลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์จาก ธนาคารดิจิตอล พนักงานบอกเขาว่า “เฒ่าแก่ อย่าเพิ่งช็อคนะคะ เช้านี้มูลค่ารวมจากพอร์ตการลงทุน ยอดเงินของเฒ่าแก่มันอยู่ที่ 987 พันล้านดิจิตอล แล้วนะ”
เฒ่าแก่ ตื่นเต้นสุดๆ รีบอาบน้ำแล้วเผ่นแผล๋วไปที่ร้านกาแฟเพื่อจะโด้ปกาแฟ เฒ่าแก่ สั่ง พนักงานเสิร์ฟ ว่า “กาแฟถ้วยใหญ่” เฒ่าแก่ ล้มตึงนอนแบลงกับพื้นหลังจาก พนักงานเสิร์ฟ บอก เฒ่าแก่ ว่า “ได้ครับ ถ้วยละ 7,000 ล้านดิจิตอล นะครับ” (ฮา)
วันนั้นที่ ไบเทค บางนา ผมก็ล้วงสูตร “ยั่วให้อยาก” เอ่ยปากบอกกันตรงไปตรงมาว่า “ประเทศจะไปไกลถึงไหน อีกไม่กี่อึดใจเดี๋ยวก็กลับมา เราอย่ามัวรอประเทศ เราอย่ากลัว AI ตราบใดที่เขายังหาอาหารกินเองไม่ได้ ไม่มีทักษะในด้าน ซอฟท์สกิล คือ ความสามารถในการทำงานที่คิดเองได้อย่างละเอียด ลึกซึ้ง ปราณีต อีกทั้งจะต้องสื่อสารจูงใจด้วยถ้อยคำสำนวนอันสุนทรีย์ เรายังมีงานที AI เขาแป๊ก อีกหลายแขนง”
“ถ้าผมเป็นเจ้าของร้านกาแฟ ผมจะจัดกลุ่มให้พนักงานระดมสมองคิดเพิ่มเติมกันว่า เราจะแผลง หรือ ประยุกต์กาแฟเป็น เครื่องดื่ม ขนม หรือ อาหาร อะไรได้อีก กลุ่มไหนคิดออก และทำได้จะให้ค่าตอบแทนพิเศษ คล้ายๆกับซื้อลิขสิทธิ์ อะไรทำนองนั้น
ถ้าเขาคิดไม่ออก ผมจะบอกเขาเองว่า เราจะลงมือทำ กาแฟทอด ยั่วใจ ลูกค้าสายขี้สงสัยจะแห่กันมาเป็นคณะแรกอย่างแน่นอน รายการต่อมา เราจะลงมือทำ กาแฟปิ้ง ยั่วน้ำลาย อยากจะรู้เหมือนกันว่า AI จะคิดเรื่องแบบนี้ได้เองดดยไม่ต้องรอ บิ๊กดาต้า หรือเปล่า” (ตะ-ลุ่ง-ตุ้ง-แฉ่!)
เท่าที่ผมยกเอามาเล่าให้ฟังเป็นหนังตัวอย่างดั่งว่านี้ มันไม่ใช่ฝันทิพย์ มันเป็นพยานยืนยันให้แลเห็นว่า ผมกำลังชี้โพรง “ประดิษฐ์ปัญญา!” ให้ “กะลอก!” ไม่ใช่ “กระรอก!” จะว่ากันไป AI ก็ไม่ใช่ผู้ร้าย สำหรับเราเองตัวเป็นๆ ก็ไม่ใช่โรบอท เรากำลังจะเดินไปบนเส้นทางคู่ขนาน ระหว่าง “ประดิษฐ์ปัญญา!” กับ “ปัญญาประดิษฐ์!” ใครรวยเพราะเอาความคิดที่ผมคัดมาเล่า ขอแค่ “ขอบคุณ” สักครั้ง ก็พอ
กรณีนี้ยังไม่จบง่ายๆ แดนยุโรปเขาแปลตะหงิดๆ ผิดกับไทยเราว่า “ประดิษฐ์” (Artificial) หมายถึง “เทียม” (Artificial) “ไม่ใช่ของแท้” (Not Genuine) ไปไกลสุดติ่งถึงกับชี้ว่า “ประดิษฐ์” คือ “ปลอม” (Fake) แบบว่า “เนื้อวัวนำเข้า” (Imported Beef) หรือ “เนื้อเทียม” (Artificial Beef) ก็แล้วแต่จะเลือกว่าจะจ้างทนายคนไหนเอาไว้ต่อสู้คดี (ฮา)
เล่นแปลกันแบบนั้น จัดว่า AI หรือ “ปัญญาประดิษฐ์!” ก็ “อาภัพ” มิใช่น้อยเลย