“วิชัย”หมดมนต์ขลัง

10 มิ.ย. 2565 | 05:00 น.
3.9 k

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By…เจ๊เมาธ์

*** อย่าได้แปลกใจที่ถึงแม้ว่า กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 ในการคงระดับดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ต่อไปอีก จะทำให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวแรงขึ้นมา เพราะการเสียงแตกในการประชุมในรอบนี้ หมายความว่า การประชุมรอบหน้ามีความเป็นไปได้มากที่ กนง. อาจจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย ตามภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ตามภาวะเงินเฟ้อ ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 
 

และหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ก็จะทำให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายไม่ว่าจะ KBANK BBL SCB KTB และ TTB รวมถึงธนาคารตัวเล็กรายอื่นๆ มีความชอบธรรมที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามไปด้วย ซึ่งหมายความว่า ธนาคารเหล่านี้จะมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นโดยที่แทบจะไม่ต้องทำอะไร  ดังนั้นแล้วหลังจากนี้จะไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของดอกเบี้ยขาขึ้นแต่เพียงอย่างเดียวอีกแล้ว...แต่จะกลายเป็นเรื่องของหุ้นธนาคารขาขึ้นอีกด้วยเช่นกัน
 

*** การที่ กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปีเอาไว้ ก็หมายความว่า หุ้นกลุ่มลีสซิ่งยังไม่ต้องรับภาระเพิ่มขึ้นทั้งที่มีรายรับเท่าเดิม เนื่องจากแทบจะทุกบริษัทต่างใช้วิธีกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อนำมาปล่อยกู้ให้กับผู้กู้รายย่อยอีกต่อหนึ่ง โดยเฉพาะหุ้นลีสซิ่งตัวใหญ่อย่าง MTC SAWAD และ TIDLOR ซึ่งมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เพราะสำหรับเจ๊เมาธ์แล้วหุ้นลีสซิ่งทั้ง 3 ตัวนี้อยู่ในระดับราคาที่ยังพอรับได้ เนื่องจากถูกปัญหาเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยกดราคาหุ้นมานานมากแล้ว ซึ่งหากจะมองในแง่ดีบ้าง...ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ธุรกิจปล่อยกู้ยังมีแนวโน้มในการเจริญเติบโตที่ดีไปได้อีก เพียงแต่ถ้าหากจะเข้า...อาจจะต้องหาจังหวะเข้ารวมถึงต้องแบ่งการเก็บออกเป็นหลายไม้บ้างเท่านั้นเอง


 

*** แม้ว่าการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE และ DTAC จะยังไม่เกิดขึ้น แต่หากพิจารณาดูแนวโน้มจากที่นักวิเคราะห์หลายสำนักต่าง ก็เห็นตรงกันว่า ถ้าไม่มีอะไรที่ผิดพลาดจนแก้ไขไม่ได้ ...ดีลนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ต้องมองไปที่เรื่องอื่นเอาแค่ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนการที่ “กลุ่มซีพี” ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TRUE สามารถดึงเอา Tesco เอามารวมอยู่ใน “อาณาจักรของซีพี” ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าอยู่หลายห้างได้สำเร็จ ทั้งที่ในขั้นตอนของการทำดีลเพื่อการรวมเอาห้าง Tesco เข้ามานั้นมีปัญหาเรื่องการ “ผูกขาดทางการตลาด” เช่นเดียวกับที่ TRUE กับ DTAC กำลังประสบอยู่ในตอนนี้ ซึ่งในเมื่อบริษัทแม่ยังทำได้ แล้วทำไมบริษัทลูกอย่าง TRUE จะทำไม่ได้ อย่างมากถ้าไม่ต้องการให้มีปัญหา ก็แค่ยอมเพิ่มกติกา หรือข้อกำหนดเข้าไปบ้างพอเป็นพิธีทุกอย่างก็จบ เรื่องมันก็มีเท่านั้นเอง
 

*** การที่ทนายนักช้อปชื่อดัง “วิชัย ทองแตง” เข้ามาถือหุ้น TVD จำนวน 155 ล้านหุ้น (9%) ดูเหมือนราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนอะไรสักเท่าไหร่ เพราะราคาล่วงลงจาก 1.96 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 27 พ.ค. ล่วงลงสู่ 1.44 บาท ต่อหุ้น หรือ ลดลงเกือบ 30% หลังจากหุ้นเพิ่มทุนทนายวิชัยเข้าซื้อขาย… แบบนี้ไม่รู้เลือกหมดมนต์ขลัง หรือ ค่านิยมลดฮวบหรือไหม๊?!? 
 

*** ส่วนเรื่องการทำธุรกิจคริปโทฯ เช่น การทำเหมืองขุดบิทคอยน์ การเข้าไปเป็น Node Validator ของ BITKUB และโครงการ POS (Proof of Staking) จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีรูปธรรมใดปรากฏออกมาให้เห็น ยังไม่นับรวมขาลงของคริปโทฯ เข้าไป 
 

ดังนั้น “มนต์ขลัง” ที่มาจากชื่อของ “วิชัย ทองแตง” เป็นแค่การจุดพลุเรียกแมลงหวี่ให้เข้ามาเก็งกำไรหุ้น TVD ในเวลาสั้นๆ เท่านั้น สุดท้ายหุ้นที่ดี ก็อยู่ที่การบริหารและผลประกอบการไม่ใช่ชื่อคนเคยดังนะจ๊ะ นะจ๊ะ… 

 

*** BDMS และ BH ได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศ เนื่องจากทั้งสองมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากชาวต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งหากเทียบกันแล้วปีนี้ BDMS มีสัดส่วนของรายได้คิดเป็น 67% ของรายได้ที่มาจากชาวต่างชาติในปี 62 ส่วนทางด้านของ BH มีรายได้ที่มาจากชาวต่างชาติกลับมาแล้ว 60% 
 

แต่ถ้าหากจะเทียบกันระหว่าง BDMS และ BH ในส่วนของภาพรวมก็จะเห็นได้ว่า ทางด้านของ BDMS อาจจะดูเหนือกว่าในส่วนจำนวนสาขา รายได้ และค่าพีอี แต่หากมองไปที่จำนวนหุ้นที่น้อยกว่าและอัตราส่วนของการทำกำไรที่สูงกว่ากลับกลายดูเหมือนรายการเหล่านี้จะส่งเสริมให้ราคาหุ้นของ BH วิ่งได้แรงกว่า 
 

อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ๊เมาธ์แล้วหุ้นปัจจัยสี่เหล่านี้ จะดูยังไงก็น่าเก็บเอาไว้ ยิ่งเป็นช่วงสงครามและภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลถือว่าเป็นหุ้นหลุมหลบภัยที่ดีมากค่ะ 
 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,791 วันที่ 12 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2565