"เศกไชย ชูหมื่นไวย" นักบริหารหนุ่ม ผู้ขับเคลื่อน “พลังคน” สร้าง “เคเอฟซี” โตยั่งยืน

29 ต.ค. 2566 | 16:16 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ต.ค. 2566 | 16:50 น.
608

เศกไชย ชูหมื่นไวย นักบริหารหนุ่ม ผู้ขับเคลื่อน “พลังคน” สร้าง “เคเอฟซี” โตยั่งยืน : CEO FOCUS

เคเอฟซี แบรนด์ไก่ทอดที่อยู่เมืองไทยมาเกือบ 40 ปี และยังมีแผนที่จะอยู่ร่วมกับคนไทย ภายใต้แนวคิด “ธุรกิจเพื่อความยั่งยืน” ซึ่ง ผู้นำหนุ่ม “เศกไชย ชูหมื่นไวย” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด และประธานมูลนิธิเคเอฟซี กล่าวชัดเจนว่า...

เราตั้งใจอยู่กับคนไทยอย่างยั่งยืน ด้วยความรับผิดชอบต่อ องค์กร ธุรกิจ และสังคม ที่ครอบคลุมใน 3 ด้านหลัก คือ People, Planet และ Food ที่ให้ความสำคัญทั้งภายในและภายนอกองค์กร”

นักบริหารหนุ่มคนนี้ ร่วมงานกับ เคเอฟซี ได้ 8-9 ปี จากงานทางด้านระบบโอปอเรชั่น ไปสู่ไอทีและคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นก็ได้ขึ้นนั่งเป็น รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่าย Brand Strategy and Integration และได้ขึ้นสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน ด้วยผลงานที่โดดเด่น อย่างการพัฒนาคอลเซ็นเตอร์ 1150 รวมทั้งดูแลด้านดิจิทัลให้กับเคเอฟซีในกลุ่มแถบเอเชียทั้งหมด

เศกไชย ชูหมื่นไวย

สิ่งหนึ่งที่ “เศกไชย” ตอกย้ำมาตั้งแต่เริ่มต้น คือ การให้ความสำคัญกับ “คน” เขายกตัวอย่างผู้พันฮาร์แลนด์ เดวิด แซนเดอส์ มนุษย์ธรรมดาหนึ่งคนที่สามารถสร้างธุรกิจจนเป็นรู้จักของคนทั่วโลก โดยมี “คน” เป็นแกนสำคัญในการเติบโต เพราะฉะนั้นเคเอฟซี จึงให้ความสำคัญกับคนอย่างมาก

“คน” ในความหมายของผู้บริหารคนนี้ ครอบคลุมทั้ง พนักงาน แฟรนไชซี และลูกค้า “คน” จะเข้าไปเกี่ยวในทุกๆ ส่วน ตั้งแต่คุณภาพของอาหาร คุณภาพของไก่ การบริหารลูกค้า ไปจนถึงการร่วมมือกับแฟรนไชซีทั้ง 3 ราย คือ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย ของกลุ่มไทยเบฟ และบริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จนทำให้ปัจจุบันเคเอฟซีสามารถขยายสาขาได้กว่า 1,053 สาขา

“เศกไชย” บอกว่า ใน 3 แกนหลักของธุรกิจ ทั้ง People, Planet และ Food สำคัญเหมือนกันหมด โดยมี People หรือคน เข้าไปเกี่ยวข้องกับทุกส่วน ดังนั้น เขาจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาและให้โอกาสคนภายในองค์กร และยังขยายสู่ภายนอกองค์กร ผ่านโครงการ KFC Bucket Search เสาะหาและให้ความรู้ เพิ่มทักษะ พร้อมให้ทุน พัฒนาศักยภาพน้องๆ ก่อนกลับคืนสู่สังคม เพื่อให้เขาสามารถพึ่งพาตัวเองได้ และยังสามารถเป็นที่พึ่งให้กับผู้อื่นและช่วยขับเคลื่อนสังคมต่อไปได้ด้วย

ปี 2565 “เศกไชย” ยังได้จัดตั้งมูลนิธิเคเอฟซี เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาคนตามเป้าหมาย ควบคู่กับการเดินหน้าพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องใช้งบปีละกว่า 50 ล้านบาท ในการทำเรื่องเหล่านี้ และเขายังมีแผนที่จะเพิ่มงบประมาณมากขึ้น เพื่อเพิ่มความช่วยเหลือ พัฒนาและให้โอกาสคนมากขึ้นเรื่อยๆ

\"เศกไชย ชูหมื่นไวย\" นักบริหารหนุ่ม ผู้ขับเคลื่อน “พลังคน” สร้าง “เคเอฟซี” โตยั่งยืน

ส่วนเรื่องของ Planet แน่นอนว่าเคเอฟซีมีแผนในการลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ แม้จะยังไม่มีการกำหนดไกด์ไลน์ที่ชัดเจน แต่สิ่งที่เริ่มดำเนินการไปแล้ว มีทั้งการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เช่นการทำโครงการ Harvest เพื่อส่งมอบไก่ทอดส่วนที่เกินจากเวลาจำหน่ายที่กำหนด (90 นาที)

แต่ยังคงคุณภาพ ความสะอาด และความปลอดภัย ไปยังผู้ที่ต้องการและขาดแคลน เป็นการช่วยสังคม และยังลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง รวมทั้งร่วมพัฒนาครัว ในโครงการครัวเคเอฟซีเพื่อชุมชน หรือ Colonel Community Kitchen นำรูปแบบห้องครัวมาตรฐานของเคเอฟซีมาประยุกต์ให้เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับห้องครัวของชุมชน

รวมทั้งการส่งเสริมให้แฟรนไชซี จัดทำ “KFC Green Store” รณรงค์ลดขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งปัจจุบันทำไปแล้ว 3 สาขา คือ สาขาดีโป บาย วนชัย อำเภอบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา, ตึกแสงโสม กทม. และ เคเอฟซี ราชพฤกษ์ และยังม่ีแผนการศึกษาเพื่อพัฒนา “KFC Green Store” สาขาต่อๆ ไปเพิ่มอีก

“เศกไชย” ย้ำว่า เขาต้องการทำเรื่อง People, Planet และ Food ไปพร้อมๆ กัน แต่มันเป็นงานช้าง และงานที่ทำก็อยากให้ออกมาเห็นผลอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้เวลา โดยการโฟกัสเรื่องของ “คน” เป็นแกนสำคัญ เพราะ...ผู้พันแซนเดอร์สเชื่อว่า ทุกศักยภาพมีคุณค่าเสมอ และเด็กทุกคนล้วนมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด และกำลังรอให้ “โอกาส” ได้ค้นพบ

นี่คือ เส้นทางการพัฒนาธุรกิจ “เคเอฟซี”ภายใต้การบริหารของ “เศกไชย ชูหมื่นไวย” ที่เตรียมพร้อมลุย People, Planet และ Food ต่อเนื่อง โดยปี 2567 คาดว่าจะได้เห็นความเคลื่อนไหวของทั้ง 3 แกนหลักอย่างแน่นอน

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,934 วันที่ 26 - 28 ตุลาคม พ.ศ. 2566