ภาพใหญ่เศรษฐกิจไทย ผ่านมุมมอง ซีอีโอ “เอพี ไทยแลนด์”

20 ส.ค. 2566 | 15:05 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ส.ค. 2566 | 15:19 น.

ภาพใหญ่เศรษฐกิจไทย ผ่านมุมมอง ซีอีโอ “เอพี ไทยแลนด์” ชี้ชัด เร่งตั้งรัฐบาลโดยเร็ว งบลงทุน ปี"67 เครื่องมือ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลที่แท้จริง จับตาหุ้นกู้ระเบิดเวลาลูกใหญ่

ความผันผวนทางเศรษฐกิจ การส่งออกชะลอตัวจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเดินทางมาของนักท่องเที่ยวตํ่ากว่าที่คาดโดยเฉพาะจีน กำลังซื้อในประเทศเปราะบาง หนี้ครัวเรือนสูง ซํ้าร้ายการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าส่งผลให้ต้องพิจารณาปรับลดประมาณการ จีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ) ลง เหลือ3 % ต้นๆ หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์เศรษฐกิจปี 2566 อาจตํ่ากว่าที่ประมาณการไว้ที่ 3.6% 

การเติบโตของ อุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย พึ่งพาการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศ เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังเรื่องการลงทุน  ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรอบด้านทั้งการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มีผลต่อต้นทุนทั้งฝั่งผู้ประกอบการและการตัดสินใจผู้บริโภครวมถึงการออกตราสารหนี้ หรือหุ้นกู้ เครื่องมือระดมทุนที่อาจกลายเป็นระเบิดเวลาหากถึงเวลา ต้องออกใหม่ และตั้งสมมติฐานว่า

หากสถาบันการเงิน ปฏิเสธเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยง จะทำอย่างไร เพราะเวลานี้อาจมีสัญญาณไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นยกตัวอย่าง ที่เริ่มต้นจาก บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK, บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL  หรือบริษัทอสังหาฯบางรายที่ขาดความน่าเชื่อถือ

ความน่ากลัว คือมีรัฐบาลช้า

 นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ซีอีโอ บริษัทอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของเมืองไทย   ให้สัมภาษณ์ ถึง เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ปี2566 ที่ระบุว่าวันนี้เศรษฐกิจลึกลับซับซ้อนกว่าเดิมมาก ทั่วโลกดูวุ่นวาย จีนเองบอกว่าจะดีก็ไม่ดีขึ้น ดังนั้นอยากมากที่จะพูดว่าเศรษฐกิจจะไปอย่างไรแต่ความน่ากลัวคือการมีรัฐบาลช้า ซึ่งต้องเร่งให้มีรัฐบาลโดยเร็ว อันดับแรกต้องช่วยเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือช่วยในพื้นที่ ตามที่หาเสียงไว้ ซึ่งไม่คิดว่า รัฐบาลจะใส่เงินลงไปแล้วออกดอกออกผล

  “ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ได้ เศรษฐกิจต้องดีเท่านั้น รัฐบาลใหม่หากมองอะไรที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ดี ควรไปใส่ตรงนั้น ขอให้บริหารประเทศให้ดี ก็เพียงพอแล้ว โดยไม่ต้องมาช่วยอะไรอสังหาฯ เพราะ พวกเรารับมือได้ทุกที”

เมื่อถามถึงความคาดหวัง สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลจะจบเมื่อใด   นายอนุพงษ์ระบุว่าไม่มีใครตอบได้ ต้องถามกลับว่า “พลิกมากี่รอบแล้ว” และไม่สนใจว่าใครจะมา ขับเคลื่อน ประเทศเพียงแต่ขอให้บริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธภาพใส่เงินถูกที่ถูกทางนักลงทุนเดินได้ ใครก็ได้แต่ขอให้เดินหน้าประเทศได้อย่างถูกทาง

เหนื่อย! ลงทุนภาครัฐไม่มี

  กรณีตั้งรัฐบาลยืดเยื้องบประมาณประเทศมีปัญหาแน่ใครจะ กระจายงบประมาณปี2567ไปใช้ซึ่งวันนี้เห็นตัวเลขส่งออกเหนื่อยสาหัส ไม่ใช่เหนื่อยธรรมดาเราอาศัยเครื่องจักรสองตัวคือ ส่งออกกับท่องเที่ยว  นายอนุพงษ์ ยอมรับว่า  ปีที่ผ่านมา (2565) จีดีพีขยับขึ้น แต่บอกได้เลยว่า ต่อไปจีนและต่างชาติที่เข้ามา จะเริ่มฐานศูนย์ ไม่ได้โตจากท่องเที่ยวแต่เพียงเท่านั้น หลายประเทศหวังจีนมาแต่จีนไม่มาเพราะจีน ยังมีผลกระทบทางเศรษฐกิจและต้องการ ฟื้นฟูในบ้านของเขาก่อน 

อนุพงษ์ อัศวโภคิน

ทางออกของประเทศไทย ตัวแปรขับเคลื่อนประเทศคืองบประมาณภาครัฐ หากรัฐบาลไม่ตั้ง หรือตั้งช้า งบประมาณไม่มา เหนื่อยแน่ คือการลงทุนภาครัฐไม่มี เครื่องจักรฟื้นเศรษฐกิจคือการลงทุนของรัฐบาล การลงทุนเอกชน ,ท่องเที่ยวและส่งออก แต่ระยะหลังส่งออกไม่ดีท่องเที่ยวดีขึ้น การบริโภคในประเทศบางอย่างไม่ดีภาระหนี้ครัวเรือนสูงความหวังเดียวคือ การลงทุนของรัฐบาล อยากให้ตั้งให้ได้ หากเป็นภาวะปกติของประเทศ ขณะนี้ต้องกำลังเข้าสู่การตั้งงบประมาณปี2567แล้ว

“จริงๆต้องเริ่มจัดทำงบประมาณปี67ตั้งแต่ตอนนี้แล้วงบต้องผ่านกันยายน แล้วใช้ตุลาคม ต้องผ่านงบให้ได้ก่อนผมมองว่าเหนื่อยนะไม่รู้สิ ผมไม่ได้เล่นการเมือง เห็นการเมืองรอบนี้มึ๊นมึน”

การลงทุนเอกชน 

ขณะการลงทุนของภาคเอกชนนั้น หากรัฐบาลไม่ดีเอกชนก็ไม่ดีถ้ารัฐบาลไม่สามารถดันเศรษฐกิจให้ดีเอกชนก็จะซึมเพราะเชื่อมโยงกัน กรณี รัฐบาลไม่สามารถตั้งหลักได้เอกชนก็จะซึม

ดึงกำลังซื้อในอนาคตมาใช้

  นายอนุพงษ์ฉายภาพเศรษฐกิจต่อว่า เศรษฐกิจไม่ดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว  ซึ่งอาจจะดี ช่วงพ้นสถานการณ์โควิด-19 ปีที่ผ่านมา อสังหาฯเป็นอีกตัวเช่นกันแต่มาจนถึงปีนี้หากจำกันได้ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ธปท.ยกเลิก LTV (Loan to Value Ratio คือ  อัตราส่วนที่ธนาคารสามารถให้สินเชื่อได้ เมื่อเทียบกับราคาบ้านที่ซื้อ) ซึ่งตามข้อเท็จจริง LTV ไม่ใช่ประเด็นหลักแต่ เป็นทุกครั้งที่เมื่อใด ที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทุกค่าย จะใช้มาตรการฯ  ในกิจกรรมส่งเสริมการขาย ดึงคนมาซื้อบ้านเร่งตัดสินใจหากไม่รีบตัดสินใจ ในช่วงนี้โอกาสอาจหลุดลอยแต่ในทางกลับกันนายอนุพงษ์มองว่า มาตรการไม่ได้ช่วยอะไรมากนักแต่เป็นเพราะทุกค่ายจะชวนคนซื้อบ้าน 

  สังเกตได้เมื่อปีที่ผ่านมามีการโอนกรรมสิทธิ์ บ้านค่อนข้างมาก ทุกค่ายส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้  เงียบเหงาเพราะว่าดึงอนาคตของความต้องการมาใช้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยถ้าเราไปดูสถิติย้อนหลังจะซึมไปเสียสองไตรมาสไตรมาสหนึ่งไตรมาสสองซึ่งมันก็เป็นประเด็นคือไตรมาสสาม ไตรมาสสี่ เป็นเรื่องของเศรษฐกิจหากดี อสังหาฯ ก็ไปได้ หากไม่ดีเราก็มึนที่ซึมเพราะไม่ใช่การเมืองแต่ที่ซึมเพราะมันถูกดึงไปโอนฯเมื่อปีที่แล้ว สำหรับ ปีหน้าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร ยังไม่สามารถตอบได้ เวลาทำงานจะดูเป็นรายเดือนรายไตรมาสแต่อยากให้ ครึ่งปีหลังนี้ตั้งรัฐบาลให้จบก่อน

ระวังระเบิดเวลาลูกใหม่

 เมื่อถามว่า ธุรกิจรายใหญ่เริ่ม ประกาศแผนถอยแล้ว เอพี ไทยแลนด์ จะถอยหรือไม่ เพราะเศรษฐกิจโลกผันผวนจะลามมาอสังหาฯหรือไม่ เรื่องนี้นายอนุพงษ์ อธิบายว่าเริ่มจากมีใครคนใดคนหนึ่งทำผิดกติกา ยกตัวอย่างหากคุณเป็นธนาคารคุณจะให้สินเชื่อยากขึ้นหรือง่ายลงกรณีคุณเป็นรายย่อยที่ซื้อตราสารหนี้ของบริษัทอสังหาฯจะซื้อหรือไม่ซึ่งหลายคนมีสิทธิ์คิด "ชีวิตของพวกผมถ้ากู้ไม่ได้ก็แย่ วันนี้มันยากขึ้นมากนอกจากจะเจอรีเจ็กต์ เจอหนี้ครัวเรือนสูงการขอสินเชื่อยากขึ้นที่เราจะเจอในอุตสาหกรรมตอนนี้ เราถอยหลังกลับไม่ใช่อะไรมันเซตั้งแต่เรื่อง “STARK ซึ่งตราสารหนี้ก็มึนให้กู้โดยแบงก์ก็มึนนี่คือสิ่งที่เราเจอ จะเป็นระยะสั้นหรือยาวตอบไม่ได้  "

เรื่องนี้ ไม่ใช่แก้กฎหมาย เพื่อช่วยหาทางออกแต่ ต้องระมัดระวังและหากไปดูชมรมคนรักพันธบัตรก่อนหน้านี้ จะมีอสังหาฯอื่นๆขนาดกลางหลายๆ บริษัทใช้โอกาสนี้ในการออกตราสารหนี้ และถึงเวลาต้อง  “โรลโอเวอร์” ขยายหรือเลื่อนวันชำระฯ หรือ ถึงเวลาต้องออกใหม่ ตลาดวันนี้ หากออกใหม่ ไม่ได้ จะทำอย่างไร ไปที่แบงก์และแบงก์จะให้กู้หรือไม่ตอบไม่ได้

“ห่วงมาก ว่าจะวุ่นวายกันอีกสักพักหรือไม่ เรื่องนี้เมื่อตราสารหนี้มันมึนไม่ใช่ดีเวลลอปเปอร์ อย่างเดียวถ้าแต่เป็น บริษัททั่วไปหลายๆบริษัทใช้ตลาดตราสารหนี้ทดแทนกันและวันนี้คุณเดินไปที่แบงก์ในเมื่อตลาดมันเป็นแบบนี้ แบงก์จะปล่อยหรือไม่  ถ้าแบงก์ไม่ให้กู้แบงก์ไม่ให้ออกโรโอเวอร์จะเกิดอะไรขึ้น นี่คือระเบิดลูกใหญ่ที่ต้องระวังให้ดีๆไม่ใช่พูดเพราะมันแย่ แต่พูดเพราะสิ่งที่เราเห็นมันน่ากลัว”

นี่คือระเบิดเวลาลูกใหญ่ ทางเศรษฐกิจ ที่ทุกคนต้องระวังโดยเฉพาะรัฐบาลใหม่ !!!