Atacms ขีปนาวุธของสหรัฐฯ ที่ยูเครนอาจใช้โจมตีรัสเซีย

19 พ.ย. 2567 | 13:47 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ย. 2567 | 13:49 น.
1.3 k

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐ ไฟเขียวให้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ได้รับมอบจากสหรัฐฯแก่ยูเครน นำไปใช้ในรัสเซียได้ จับตาจะส่งผลต่อสงครามอย่างไร

เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลโจ ไบเดนอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่สหรัฐฯ จัดหามาให้เพื่อโจมตีรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่

แม้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทำเนียบขาว หรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รวมทั้งประธานาธิบดียูเครน ที่ยังไม่ยืนยันหรือปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว

แต่ความน่าสนใจก็คือ ขีปนาวุธดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ขีปนาวุธยุทธวิธีของกองทัพบก’ (Army Tactical Missile System: Atacms ) ซึ่งเป็นระบบขีปนาวุธพิสัยไกลที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คาดว่าขีปนาวุธดังกล่าวจะถูกนำไปใช้โจมตีกองทหารรัสเซียและเกาหลีเหนือในเบื้องต้น เพื่อสนับสนุนกองกำลังยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ทางตะวันตกของรัสเซีย

ยูเครนได้ล็อบบี้สหรัฐมาหลายปีแล้วเพื่อขออนุญาต ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนสุดท้ายของการบริหารของไบเดน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะพยายามยุติสงครามในยูเครนโดยเร็ว

ขีปนาวุธเหล่านี้ทำอะไรได้บ้าง

Atacms ผลิตโดย Lockheed Martin เป็นขีปนาวุธพิสัยไกล ที่สามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไป 190 ไมล์  (300 กม.)

หัวรบระเบิดแบบกระจายตัว WDU18 ขนาด 500 ปอนด์ ขึ้นอยู่กับรุ่น ขีปนาวุธจะบินสูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศมากกว่าจรวดปืนใหญ่และไกลกว่าหลายเท่า โดยบินกลับลงมาที่พื้นด้วยความเร็วสูง เนื่องจากแรงดึงดูดของแรงโน้มถ่วง

ระบบเหล่านี้สามารถยิงได้จากเครื่องยิงเคลื่อนที่ HIMARS ที่สหรัฐฯ จัดหาให้ยูเครน รวมถึงจากเครื่องยิง M270 รุ่นเก่าที่ส่งมาจากอังกฤษและเยอรมนี

ขีปนาวุธ Atacms ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 เพื่อทำลายเป้าหมายของโซเวียตที่อยู่ลึกเข้าไปในแนวข้าศึก ขีปนาวุธนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอาวุธนำวิถีที่หายากในช่วงเวลาที่สหรัฐพึ่งพาระเบิดและอาวุธอื่นๆ

ปัจจุบัน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มี Atacms อยู่ในคลังอยู่ 2 รุ่น คือ อาวุธคลัสเตอร์และอาวุธที่บรรจุระเบิดลูกเดียว

ให้ Atacms แก่ยูเครนเป็นประเด็นละเอียดอ่อน

ตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ตั้งแต่ช่วงต้นของสงคราม ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ได้ร้องขอให้จัดหาอาวุธที่สามารถโจมตีได้ลึกเข้าไปในดินแดนที่รัสเซียยึดครอง และในที่สุดก็สามารถโจมตีรัสเซียเองได้

เมื่อปีที่แล้ว สหรัฐฯส่งมอบ Atacms ให้กับยูเครนแต่จนถึงขณะนี้ รัฐบาลไบเดนยังคงระงับการอนุมัติให้ใช้ Atacms ข้ามพรมแดนไปยังรัสเซีย

ทำเนียบขาวแสดงความกังวลว่า หากยูเครนใช้ขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายในพื้นที่ลึกภายในรัสเซีย ประธานาธิบดีปูตินอาจตอบโต้ด้วยการใช้มาตรการรุนแรงมากขึ้น

เซเลนสกีกล่าวว่า อาวุธประเภทนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสามารถของประเทศในการเปิดฉากโจมตีตอบโต้ในวงกว้าง และยืนกรานว่าไม่มีแผนที่จะโจมตีเมืองต่างๆ ของรัสเซียหรือโจมตีพลเรือนแต่อย่างใด

ยูเครนจะใช้อย่างไร

กองทัพรัสเซียกำลังเตรียมเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่โดยทหารประมาณ 50,000 นายรวมถึงทหารเกาหลีเหนือ ต่อตำแหน่งที่ยูเครนฝังแน่นในเคิร์สก์ โดยมีเป้าหมายเพื่อยึดดินแดนรัสเซียทั้งหมดที่ยูเครนยึดไปเมื่อเดือนสิงหาคมคืนมา

ยูเครนอาจใช้ขีปนาวุธ Atacms เพื่อโจมตีกองกำลังของรัสเซียและเกาหลีเหนือ รวมถึงอุปกรณ์ทางทหารที่สำคัญ สถานีขนส่ง คลังกระสุน และเส้นทางส่งกำลังบำรุงในรัสเซีย ซึ่งจะช่วยให้ยูเครนลดประสิทธิภาพของการตอบโต้ระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือลงได้

เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีไบเดนตกลงที่จะจัดหา Atacms หลายร้อยชุดเพื่อใช้ในดินแดนยูเครนที่รัสเซียยึดครอง รวมถึงคาบสมุทรไครเมียที่รัสเซียยึดครองด้วย ดังนั้น จึงไม่ชัดเจนว่ายูเครนมีขีปนาวุธเหลืออยู่ในคลังแสงกี่ชุดเพื่อใช้ในภูมิภาคเคิร์สก์

สหรัฐฯ เคยใช้สิ่งเหล่านั้นในการรบหรือไม่

กองทัพสหรัฐฯ ยิง Atacms ประมาณ 30 ครั้งในปี 1991 ระหว่างปฏิบัติการพายุทะเลทราย ตามบันทึกของรัฐบาล โดยถูกใช้เพื่อโจมตีฐานยิงขีปนาวุธพิสัยกลางและฐานยิงขีปนาวุธพื้นสู่อากาศของอิรัก

กระทรวงกลาโหมได้จำกัดการใช้ระเบิดลูกปรายเนื่องจากมักล้มเหลวทำให้สนามรบเต็มไปด้วยระเบิดอันตราย หลังจากการสู้รบสิ้นสุดลง กองทัพบกได้ปรับปรุงระบบ Atacms รุ่นแรกๆ หลายระบบในช่วงทศวรรษปี 2000 และแทนที่ระเบิดลูกปรายด้วยหัวรบระเบิดลูกเดียว

สถานการณ์สงครามเป็นอย่างไรบ้าง

คาดว่ารัสเซียจะเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่เพื่อยึดเคิร์สก์คืนในเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังเกาหลีเหนือ

อย่างไรก็ตาม Atacms ไม่ถูกมองว่าเป็นอาวุธวิเศษ และกองกำลังรัสเซียก็ได้ขยายพื้นที่ไปทางตะวันออกของประเทศแล้ว มีการตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาใหญ่ของยูเครนคือ ต้องการทหารอย่างมาก เนื่องจากกำลังดิ้นรนเพื่อระดมผู้คนเข้าร่วมสงครามมากขึ้น

อ้างอิงข้อมูล