โควิดจีนป่วนหนัก ผู้ติดเชื้อพุ่งต่อเนื่อง ปักกิ่ง-เจิ้งโจวฮอตสปอต

25 พ.ย. 2565 | 12:45 น.
อัปเดตล่าสุด :25 พ.ย. 2565 | 21:10 น.

จีนพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มต่อเนื่อง เจิ้งโจวเตรียมปูพรมตรวจเชื้อครั้งใหญ่ ขณะปักกิ่งล็อกดาวน์บางส่วนแต่ควบคุมเข้มงวด ประชาชนเครียดมีประท้วงเป็นระยะ ยอดซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นแบบถล่มทลาย


สถานการณ์ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน จีน ยังน่าเป็นห่วง และกำลังมีผลทางเศรษฐกิจ คณะกรรมการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ในวันพฤหัสบดี (24 พ.ย.) อยู่ที่ 32,943 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ 3,103 ราย และไม่แสดงอาการ 29,840 ราย


จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันพฤหัสบดี เพิ่มขึ้นจากระดับ 31,656 รายในวันพุธ (23 พ.ย.) ซึ่งแบ่งเป็นผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ 4,010 ราย และไม่แสดงอาการ 27,646 ราย


อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในจีนยังคงอยู่ที่ 5,232 ราย


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นโยบายคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดของจีนได้ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนขยายตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาส 2/2565 เนื่องจากผลกระทบของการล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้

 

ส่วนในไตรมาส 3/2565 ตัวเลข GDP ของจีนขยายตัวเพียง 3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ทางการจีนประกาศไว้ในเดือนมี.ค.ที่ระดับ 5.5%


ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุด เกิดเหตุคนงานประท้วงที่โรงงานของฟ็อกซ์คอนน์ในเมืองเจิ้งโจว ซึ่งเป็นโรงงานผลิตไอโฟน (iPhone) ที่ใหญ่ที่สุดของแอปเปิ้ล โดยยังไม่แน่ชัดว่ามีพนักงานในโรงงานดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการประท้วงมากเท่าใด หรือจะมีผลกระทบต่อการผลิตหรือไม่ โดยโรงงานแห่งนี้มีพนักงานประมาณ 200,000 คน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ คนงานหลายร้อยคนออกมารวมตัวกันประท้วงเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อมาตรการป้องกันโควิดที่เข้มงวดของโรงงาน 

ภาพการประท้วงที่โรงงานฟ็อกซ์คอนน์เมืองเจิ้งโจวที่จบลงด้วยการปะทะและความชลมุน
 

คนงานหลายคนได้หนีออกจากหอพักที่ถูกกักตัวกลับไปที่บ้าน และพบว่าทางโรงงานได้จ้างคนงานชุดใหม่เข้ามาเตรียมทำงานแทนด้วยค่าตอบแทนสูงกว่า และมีการแก้ไขสัญญาจ้างของคนงานชุดเก่า ขณะที่คนงานซึ่งอยู่ระหว่างกักตัวกลับไม่ได้รับอาหารและการดูแลที่ดีพอ ทำให้พวกเขาเกิดความโกรธแค้น และเมื่อออกมาประท้วงก็เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่

 

ทั้งนี้ เมืองเจิ้งโจวได้ประกาศให้ผู้ที่อาศัยอยู่ทางตอนกลางของเมืองห้ามออกจากบ้านเป็นเวลา 5 วันเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (25 พ.ย.) ขณะที่เทศบาลเมืองเจิ้งโจวได้ทำการปูพรมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งใหญ่

 

สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงในกรุงปักกิ่ง

ด้าน กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ทางการออกมาตรการจำกัดที่คล้ายคลึงกับการล็อกดาวน์แบบเป็นวงกว้าง เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรค เป็นเหตุให้ชาวเมืองปักกิ่งแห่ซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์และแอปพลิเคชันซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อกักตุนไว้


สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เฉพาะในกรุงปักกิ่งพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1,854 รายเมื่อวันพฤหัสฯ (24 พ.ย.) ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1,611 รายเมื่อวันพุธ(23 พ.ย.) ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศจีนในภาพรวมก็พุ่งแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ หรือทำสถิติสูงสุดเท่าที่มีการเก็บข้อมูลมา 

ปักกิ่งเพิ่มมาตรการควบคุมโควิดอย่างเข้มงวดหลังผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่องและมีผู้เสียชีวิตถึง 3 รายในเวลาไล่เลี่ยกัน

 

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้าผ่านทางแอปพลิเคชันซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น เฟรชฮิปโป (Freshippo) หรือที่รู้จักกันในชื่อเหอหม่า (Hema) เพิ่มขึ้นแบบถล่มทลายจนจัดส่งสินค้าไม่ทันเมื่อวานนี้ ขณะที่ร้านขายของชำอื่น ๆ ในเขตเฉาหยาง ซึ่งเป็นเขตที่ใหญ่ที่สุดของปักกิ่ง ก็ไม่สามารถรับคำสั่งซื้อเพิ่มได้เช่นกัน


ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นำไปสู่การยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในกรุงปักกิ่ง โดยทางการได้สั่งล็อกดาวน์อพาร์ตเมนต์ทั่วเขตเฉาหยาง และขอความร่วมมือให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางออกจากบ้านหากไม่มีเหตุจำเป็น โดยช่วงนี้ปักกิ่งตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อไม่ถึง 100 รายต่อวันเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน


ขณะเดียวกัน สถานศึกษาทั่วกรุงปักกิ่งตัดสินใจปิดทำการ โดยให้นักเรียนเรียนหนังสือจากที่บ้านแทน ทั้งยังมีมาตรการคุมเข้มผู้ที่เดินทางเข้าปักกิ่ง โดยต้องแสดงผลตรวจเชื้อโควิดแบบพีซีอาร์ (PCR) เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนเข้าสู่พื้นที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ราชการ หรือก่อนจะใช้บริการรถโดยสารได้ 

 

นอกจากนี้ รัฐบาลท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง ยังได้ประกาศเปิดโรงพยาบาลสนามที่ศูนย์จัดแสดงนิทรรศการแห่งหนึ่ง และสั่งพักการเรียนการสอนที่ Beijing International Studies University หลังมีการพบผู้ติดเชื้อภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และหลังจากที่มีรายงานยืนยันการเสียชีวิตของผู้ป่วยรายแรกในกรุงปักกิ่งในรอบเกือบ 6 เดือน (ครั้งล่าสุดที่มีการรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิดคือเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่นครเซี่ยงไฮ้) โดยผู้เสียชีวิตเป็นชายชราวัย 87 ปีที่อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่ง จากนั้นต่อมาไม่นาน ยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย เป็นหญิงวัย 91 ปี และชายวัย 88 ปี 

 

ชาวจีนที่ไม่พอใจกับมาตรการจำกัดด้านต่าง ๆ ของทางการเพื่อควบคุมโควิด-19 ได้เกิดความเครียดและก่อเหตุประท้วงไปทั่ว เนื่องจากมาตรการของภาครัฐที่บังคับใช้ ส่งผลให้ต้องมีการปิดร้านรวงและที่ทำงาน ทั้งยังบังคับให้ประชากรหลายล้านคนต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้าน 

ประชาชนเข้าแถวยาวรอรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19

ยืนยันนโยบาย "โควิดเป็นศูนย์"

ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ของจีนอาจจะดูว่าอยู่ในระดับน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ 1,400 ล้านคน และยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับยอดผู้ป่วยในประเทศตะวันตกในช่วงที่มีการระบาดหนัก

 

แต่สำหรับจีนที่นโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" ที่เคร่งครัด ถ้าพบการติดเชื้อในสัดส่วนน้อย ทางการก็พร้อมที่จะล็อกดาวน์ยกเมืองและตรวจสอบติดตามผู้ติดเชื้อและคนใกล้ชิดให้ต้องกักตัวอย่างเคร่งครัด

 

ทั้งนี้ จีนกำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโควิด-19 ในเมืองต่าง ๆ ตั้งแต่เมืองเจิ้งโจวซึ่งอยู่ในมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีนไปจนถึงเมืองฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


สถานการณ์การแพร่ระบาดที่ย่ำแย่ลงเช่นนี้อาจจะกลายเป็นบททดสอบประสิทธิภาพของนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และอาจส่งผลให้ทางการจีนตัดสินใจล็อกดาวน์เมืองสำคัญทางเศรษฐกิจซึ่งรวมถึงกรุงปักกิ่งอีกครั้ง แม้เมื่อไม่นานมานี้ จีนเพิ่งจะประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ด้วยการลดระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และยกเลิกค่าปรับสายการบินในกรณีที่พบผู้โดยสารติดเชื้อโควิด-19