จับตาโควิดไทยกำลังเปลี่ยนสายพันธุ์ไปสู่ "BA.2.75" น่ากลัวแค่ไหน อ่านเลย

24 พ.ย. 2565 | 16:04 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ย. 2565 | 23:04 น.
683

จับตาโควิดไทยกำลังเปลี่ยนสายพันธุ์ไปสู่ BA.2.75 น่ากลัวแค่ไหน อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ หมอเฉลิมชัยแนะใส่หน้ากากอนามัยต่อไป เท่าที่จะทำได้

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

ไวรัสก่อโรคโควิดของไทยกำลังจะเปลี่ยนสายพันธุ์แล้ว โดยขยับมาเป็น BA.2.75
สถานการณ์โควิดของประเทศไทย เริ่มต้นเมื่อต้นเดือนมกราคม 2563 ด้วยไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น

 

หลังจากนั้น ก็มีการเปลี่ยนเป็นไวรัสสายพันธุ์อัลฟ่า และในปลายปี 2564 ได้เปลี่ยนเป็นไวรัสสายพันธุ์เดลตา

 

จนกระทั่งเข้าปี 2565 ไวรัสได้เปลี่ยนเป็นสายพันธุ์โอมิครอน และไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนยังคงเป็นสายพันธุ์หลักจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบครบหนึ่งปีแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน มีการแตกไปเป็นสายพันธุ์ย่อยต่างๆมากกว่า 500 สายพันธุ์แล้ว

และสายพันธุ์หลักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคือ BA.5

 

รายงานจากอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้แจ้งว่า ขณะนี้ไวรัสสายพันธุ์ที่เป็นหลักกำลังจะเปลี่ยนจาก BA.5 เป็น BA.2.75 แล้ว

 

โดยมีรายงานสถิติของการตรวจหาไวรัสว่าเป็นสายพันธุ์อะไร ในช่วงวันที่ 12-18 พฤศจิกายน 2565 พบว่า

 

  • BA.4/BA.5 พบ 50.4% 
  • BA.2.75 พบ 42.4% เพิ่มจากสัปดาห์ก่อนที่พบเพียง 23.6%  
  • BA.2 พบ 6.1% 
  • โอมิครอนสายพันธุ์อื่นๆพบ 1.1%

 

จึงทำให้เชื่อได้ว่าไวรัส BA.2.75 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักของไทยภายในเร็ววันนี้

 

โควิดไทยกำลังเปลี่ยนสายพันธุ์ไปสู่ BA.2.75

 

ไวรัสสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 ยังคงถือว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอนอยู่

 

พบเป็นครั้งแรกที่อินเดีย เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 และพบในประเทศไทยปลายเดือนมิถุนายน 2565

มีความสามารถในการแพร่ระบาดที่เพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า สามารถก่อความรุนแรงหรือทำให้เสียชีวิตมากขึ้นหรือไม่อย่างไร คงจะต้องติดตามข้อมูลกันต่อไป

 

ส่วนไวรัสสายพันธุ์ BQ.1 ซึ่งพบในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นจำนวนมาก เริ่มพบในประเทศไทยแล้ว 9 ราย

 

และไวรัสสายพันธุ์ XBB ซึ่งพบที่สิงคโปร์ เริ่มพบในประเทศไทยแล้ว 13 ราย

 

เราคงจะต้องติดตามชนิดของไวรัสสายพันธุ์ต่างๆกันต่อไป เพื่อที่จะได้วางแผนการรับมือกับไวรัสโคโรนาลำดับที่เจ็ดที่ก่อโรคโควิดให้ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด

 

การผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุข เพื่อให้มิติทางด้านเศรษฐกิจและสังคมได้เดินหน้าต่อไป ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความเหมาะสมและจำเป็น ได้มีการดำเนินการในหลายประเทศ

 

อย่างไรก็ตาม การใส่หน้ากากอนามัย สามารถป้องกันไวรัสได้ทุกสายพันธ์ จึงควรพยายามใส่หน้าการกันต่อไป เท่าที่สามารถจะทำได้