'ชาเฮด' (Shahed) โดรนทางการทหาร ที่ผลิตใน อิหร่าน เป็นโดรนราคาถูก แต่ติดตั้งเทคโนโลยีนำทางเพื่อความแม่นยำ อาวุธชนิดนี้จึงถูก รัสเซีย นำมาใช้ และเปลี่ยนชื่อเป็น 'เกอราน-2' เพื่อการทิ้งตัวทำลายเป้าหมายจากทางอากาศในสงครามที่รัสเซียเปิดศึกกับยูเครน
จุดเด่นของโดรนชาเฮด คือ สามารถนำมาใช้ในปริมาณมาก และได้ชื่อว่า "ขีปนาวุธร่อนของคนจน" หมายความว่า มันมีราคาถูกมาก
โดรนชาเฮดรุ่น 136 ที่รัสเซียนำมาใช้ในการจู่โจมเป้าหมายในยูเครนเร็วๆนี้ มีราคาลำละประมาณ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 760,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ วันนี้) ซึ่งถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับโดรน TB2 ที่ผลิตในตุรกี ราคาอยู่ที่ระหว่าง 1-5 ล้านดอลลาร์ (38 - 190 ล้านบาท) ขณะที่โดรนทางการทหาร MQ-9 Reaper ของสหรัฐ มีราคาไม่ต่ำกว่า 14 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 532 ล้านบาท
นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับขีปนาวุธเต็มรูปเเบบอย่างเช่น ขีปนาวุธร่อนรุ่น คาลิเบอร์ (Kalibr) ของกองทัพรัสเซียที่มีราคา 1 ล้านดอลลาร์ต่อลูก ก็ถือว่าการหันมาใช้โดรนชาเฮด ทำให้รัสเซียสามารถประหยัดต้นทุนการจู่โจมได้มาก โดยก่อนหน้านี้ รัสเซียใช้ขีปนาวุธร่อนคาลิเบอร์ โจมตียูเครนอย่างกว้างขวางในช่วง 8 เดือนเเรกของสงคราม
โดรนชาเฮด ที่ติดระเบิดเพื่อการทิ้งตัวทำลายเป้าหมาย มีความคล้ายกับการโจมตีแบบ "กามิกาเซ่" ของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สองหรือการพุ่งชนเป้าหมายเพื่อให้เกิดการระเบิดเสียหาย มันจึงถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "กามิกาเซ่ โดรน"
รูปลักษณ์และสมรรถนะ
สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างอิงข้อมูลของสื่อออนไลน์ยูเครน Defense Express อ้างตัวเลขจากอิหร่านที่ระบุว่า ชาเฮด เป็นโดรนรูปสามเหลี่ยม มีความยาว 3.5 เมตร กว้าง 2.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม
โดรนชนิดนี้ติดเครื่องยนต์ 50 แรงม้า และมีความเร็วสูงสุด 114 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การนำ "โดรนพิฆาต" ชนิดนี้มาใช้ในยูเครน มีลักษณะน่าสนใจคือ แม้โดรนชาเฮดจะบินได้ไกล 1,000 กิโลเมตร แต่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโดรนอย่างนายแซเมล เบนเด็ตต์ แห่งองค์กรวิจัยด้านนโยบาย CNA กล่าวว่า ระยะบินของโดรนดังกล่าวในสงครามยูเครนสั้นกว่านั้น
เขาอธิบายว่า สาเหตุที่โดรนบินในระยะที่ใกล้กว่าศักยภาพจริง เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการถูกใช้คลื่นก่อกวนระบบนำทางจีพีเอสนั่นเอง
รัสเซียใช้โดรนชนิดนี้หลายลำระดมโจมตียูเครน เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงถูกโต้กลับรุนเเรงต่อเครื่องบินรบล้ำสมัย และลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตนักบินด้วย วิธีการนี้ ทำให้รัสเซียสามารถเก็บขีปนาวุธพิสัยไกลความเเม่นยำสูงที่มีอยู่อย่างจำกัด ไว้ใช้เมื่อถึงเวลาจำเป็น
อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดหรือจุดด้อยในการใช้โดรนชาเฮด เกี่ยวกับเรื่องนี้นายมิโคลา เบไลสคอฟ นักวิจัยแห่งสถาบันยุทธศาสตร์ศึกษาของยูเครน เปิดเผยว่า ระเบิดที่จะนำขึ้นไปติดตั้งกับโดรน จะมีน้ำหนักสูงสุดได้เพียง 40 กิโลกรัม ซึ่งปริมาณดังกล่าวถือว่าน้อยมากหากเทียบกับขีปนาวุธแบบปกติ ที่บินได้ไกลกว่ามากและสามารถติดระเบิดได้หนักถึง 480 กิโลกรัม
กระนั้นก็ตาม โดรนชาเฮดยังคงสามารถสร้างความเสียหายที่รุนเเรงและส่งผลต่อขวัญกำลังใจของทหารยูเครนได้
โดยในการโจมตีเมื่อวันจันทร์ (17 ต.ค.) โดรนลำหนึ่งทิ้งตัวลงไปยังอาคารที่พักอาศัยและทำลายห้องพัก 3 ห้อง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน
เบไลสคอฟ กล่าวว่าการโจมตีด้วยโดรนชาเฮด สร้างความหวั่นเกรงและความไม่มั่นใจในศักยภาพของระบบป้องกันทางอากาศของยูเครน
อย่างไรก็ตามเขาระบุว่า แม้รัสเซียจะใช้โดรนชนิดนี้จำนวนมาก แต่สิ่งที่รัสเซียไม่ได้กลับคืนมา คือดินแดนบางส่วนที่ยูเครนสามารถรุกคืบเข้าไปยึดคืนมาได้ในช่วงที่ผ่านมา