ผลพวงอังกฤษปลดล็อกดาวน์ หุ้นตก-ปอนด์ร่วง-ผวา “เดลต้า”แผลงฤทธิ์

ดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษดิ่งลง 1.2% เมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.45% สู่ระดับ 1.371 ดอลลาร์ และอ่อนค่า 0.20% สู่ระดับ 0.859 เมื่อเทียบยูโร

สื่อในอังกฤษต่างเรียกวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา ว่าเป็น "วันแห่งเสรีภาพ" (Freedom Day) เนื่องจากเป็นวันที่รัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการคุมเข้มที่มีการบังคับใช้ก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงมาตรการบังคับการสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงพุ่งขึ้นก็ตาม

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยืนยันการยกเลิกมาตรการดังกล่าว โดยอ้างว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงพุ่งขึ้น แต่จำนวนผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และจำนวนผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม

อย่างไรก็ดี นายจิม รีด นักวิเคราะห์จากธนาคารดอยช์แบงก์ กล่าวว่า ทั่วโลกกำลังจับตาการดำเนินการของรัฐบาลอังกฤษ เนื่องจากอาจจะเป็นการปูทางให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ หรืออาจจะกลายเป็นตัวอย่างที่เตือนให้เห็นว่าประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในอัตราสูงยังคงเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดต่อไปอีกนาน

นักวิเคราะห์เตือนว่านายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์มาแล้วครั้งหนึ่งในปีที่แล้ว แต่ก็ต้องกลับมาบังคับใช้ใหม่ หลังเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากนี้ ก็จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ขณะนี้ อังกฤษมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมกว่า 5.4 ล้านราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่(ในรอบ 24 ชั่วโมง) พุ่งขึ้นมากกว่า 50,000 รายต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลยูโร 2020 เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ซึ่งเป็นไปตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนไว้ก่อนหน้านี้จากการที่อังกฤษไม่ได้ใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รัดกุมเพียงพอในการจัดการแข่งขันดังกล่าว