ของแถมบอลยูโร 2020 อังกฤษทุบสถิติ ติดโควิดรายวันทะลุ 50,000 ราย

17 ก.ค. 2564 | 05:50 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ค. 2564 | 13:17 น.
2.6 k

ยอดติดเชื้อโควิดรายวันของอังกฤษพุ่งขึ้นสู่ระดับนิวไฮเมื่อวันศุกร์ (16 ก.ค.) ซึ่งเป็นไปตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ไว้ หลังเห็นภาพการแออัดของผู้ชมการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ศึกบอลยูโร 2020 หลายหมื่นคนในสนามเวมบลีย์ ที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย

กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ เปิดเผยวานนี้ (16 ก.ค.) ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบ ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ จำนวนถึง 51,870 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2564 ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ที่ 5,332,371 ราย

 

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 49 ราย สู่ระดับ 128,642 ราย

 

การพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษเกิดขึ้นหลังจากที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพจัด การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลยูโร 2020 เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามที่ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้ โดยหลังเห็นภาพประชาชนเรือนหมื่นแออัดกันเข้าไปในสนามเวมบลีย์ ซึ่งใช้เป็นที่แข่งขัน แพทย์หญิงมาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าแผนกโรคโควิด-19 ของ WHO ได้ออกมาแสดงความผิดหวังต่อการที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว โดยไม่ได้ใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดตามที่ควรจะเป็น


ของแถมบอลยูโร 2020 อังกฤษทุบสถิติ ติดโควิดรายวันทะลุ 50,000 ราย

"จะให้ดิฉันสนุกกับการดูแมตช์ฟุตบอลที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร" ข้อความในทวิตเตอร์ของแพทย์หญิงฟาน เคิร์กโฮฟ ระบุ พร้อมให้ความเห็นว่า ภาพของแฟนบอลที่แออัดกันในสนามเวมบลีย์นั้น ถือเป็นเรื่อง "หายนะ"โดยแท้ และชวนให้วิกตว่า การแข่งขันดังกล่าวจะทำให้ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาดรวดเร็วขึ้น

 

ทั้งนี้ แฟนบอลชาวอังกฤษและอิตาเลียนราว 60,000 คนได้แห่กันเข้าชมการแข่งขันที่สนามเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย และไม่มีการรักษาระยะห่างทางสังคม

 

รายงานข่าวระบุว่า อังกฤษกำลังเดินหน้าปลดล็อกดาวน์ระยะสุดท้ายภายในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งครอบคลุมถึงการยกเลิกบังคับสวมหน้ากาก และการเว้นระยะห่างทางสังคม ขณะเดียวกัน องค์กรธุรกิจและหน่วยงาน ก็เริ่มประกาศให้พนักงานที่เคยทำงานจากบ้านกลับเข้าออฟฟิศมาทำงานตามปกติ

 

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าข้อจำกัดควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่วนใหญ่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 19 ก.ค. นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานปลดล็อกดาวน์ระยะสุดท้ายของอังกฤษ โดยการบังคับใส่หน้ากากอนามัยและกฎระเบียบเว้นระยะห่างจะไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไป แต่ประชาชนก็สามารถเลือกสวมหน้ากากอนามัยต่อไปได้ หากต้องการจะทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันอังกฤษจะยกเลิกกฎระเบียบห้ามรวมตัวในพื้นที่ส่วนตัวไม่เกิน 6 คน และคำแนะนำทำงานจากที่บ้าน รวมถึงประชาชนไม่จำเป็นต้องแสดงใบรับรองเกี่ยวกับโรคโควิด-19 เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมหรือสถานที่ต่างๆ อีกต่อไป

 

ด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก็ได้ขอความร่วมมือให้พนักงานกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ตั้งแต่เดือนก.ย.นี้เป็นต้นไป

 

ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้จะเป็นการทดสอบว่า การเร่งฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วในอังกฤษนั้น เพียงพอที่จะป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม นายบอริส จอห์นสัน ยอมรับว่า การระบาดใหญ่ “ยังคงไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ” และประชาชนก็จำเป็นต้อง “ยอมรับว่าอาจมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก”