AI DeepFake หลบไป "World" เปิดเทคโนโลยียืนยันความเป็นมนุษย์ในไทย

13 มี.ค. 2568 | 17:00 น.
อัปเดตล่าสุด :13 มี.ค. 2568 | 17:41 น.

เทคโนโลยีพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ระดับโลก “World” เปิดให้บริการในไทย นำร่อง 3 แห่ง หวังเสริมสร้างความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ในยุค AI

นายอเล็กซ์ บลาเนีย (Alex Blania) ผู้ร่วมก่อตั้ง "World"  และ CEO  บริษัท Tools for Humanit  กล่าวว่า“World”  ถูกพัฒนาขึ้นมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยผู้ก่อตั้ง  3 คน คือ Sam Altman (แซม อัลท์แมน) ผู้ก่อตั้งโอเพ่นเอไอ  , Alex Blania (อเล็กซ์ บลาเนีย), และ Max Novendstern (แม็กซ์ โนเวนด์สเทิร์น) โดยทุกคนมีเป้าหมายร่วมกันคือเพื่อแก้ปัญหา การแยกแยะระหว่าง AI และมนุษย์ ด้วยแนวคิด Proof-of-Human (พิสูจน์ความเป็นมนุษย์) ในโลกดิจิทัล 

AI DeepFake หลบไป \"World\" เปิดเทคโนโลยียืนยันความเป็นมนุษย์ในไทย

โดยขณะนี้ World  ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก  โดยขณะนี้มียูสเซอร์ไอดี  25 ล้านคนทั่วโลก  ให้บริการแล้วใน 20 ประเทศ  ซึ่ง 11 ล้านคน มีการพิสูจน์ตัวตนแล้วว่าเป็นมนุษย์  

อย่างไรก็ตามการพัฒนาเทคโนโลยีพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น เชื่อว่าภายในระยะ 2 ปี ด้วยระบบเครือข่ายที่รวดเร็วขึ้น และ AI ที่มีการพัฒนาขึ้น จะทำให้ World  กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ที่ช่วยยกระดับและสนับสนุนการพิสูจน์ความเป็นมนุษย์และเป็นเครื่องมือสำคัญในยุค AI

 

ล่าสุดได้นำเทคโนโลยีพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ของ World มาเปิดตัวในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ในยุค AI     โดยได้ร่วมมือกับ Thailand International Digital Business & Finance Centre (TIDC)  เปิดบริการ World’s Proof of Human  3 จุดทั่วกรุงเทพฯ    ประกอบด้วย 1) World Flagship ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้า EmSphere 2) ศูนย์บริการ NT แจ้งวัฒนะ และ 3) ศูนย์บริการ NT ปทุมวัน เพื่อสมัครใช้บริการของ World ซึ่งถือเป็นเฟสแรกของการเปิดการให้บริการในประเทศไทยและในอนาคตจะมีการขยายจุดให้บริการเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

AI DeepFake หลบไป \"World\" เปิดเทคโนโลยียืนยันความเป็นมนุษย์ในไทย

เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของการหลอกลวงทางออนไลน์ อาชญากรรมจาก Deepfake และการปลอมแปลงตัวตน บริการของ World ต่างจากวิธีการยืนยันตัวตนแบบดั้งเดิม ที่ผู้ใช้บริการมักต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ในขณะที่ World ไม่ต้องการข้อมูลเหล่านั้น แต่ใช้เทคนิคการเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อตรวจสอบความเป็นมนุษย์ ไม่เก็บรวบรวมข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถรักษาความเป็นส่วนตัวได้อย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกันก็ยังได้รับความปลอดภัยทางดิจิทัลที่ดียิ่งขึ้น

●           Zero-Knowledge Proofs: ให้ผู้ใข้บริการสามารถยืนยันว่าตัวเองเป็นมนุษย์จริงได้ โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว

●           Biometric-Based Authentication (การยืนยันความเป็นมนุษย์ด้วยข้อมูลชีวภาพ): ป้องกัน การปลอมแปลงตัวตนโดย AI และการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล

●           ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูงสุด: ออกแบบมาเพื่อ ปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ และป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด

AI DeepFake หลบไป \"World\" เปิดเทคโนโลยียืนยันความเป็นมนุษย์ในไทย

นอกจากช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ในการยืนยันความเป็นมนุษย์แบบดิจิทัลที่ปลอดภัยและป้องกันการฉ้อโกงที่ขับเคลื่อนโดย AI แล้ว World ยังมุ่งเน้นส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินและการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยอีกด้วย ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Mini Apps กว่า 100 รายการ ที่เปิดโอกาสให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เข้าถึงเนื้อหาด้านการศึกษา เล่นเกม สร้างโพล และจัดตั้งชุมชนออนไลน์  นอกจากนี้ World ยังให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ยืนยันความเป็นมนุษย์ในประเทศไทย ด้วยโทเคน Worldcoin (WLD) ซึ่งสามารถเคลมโทเคนได้ทุกเดือนตลอดระยะเวลาหนึ่งปี

สำหรับโอกาสของประเทศไทย จากรายงานการหลอกลวง (Scam) ในปี 2567 มีมากกว่ากว่า 168 ล้านครั้ง ในประเทศไทย  มีมูลค่าความเสียหาย 4.2 หมื่นล้านบาท การหลอกลวงออนไลน์ เพิ่มขึ้น  194%     นอกจากนี้ยังมีข้อมูลการสำรวจคนไทย 75% เป็นห่วงข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกละเมิด   ขณะที่คนไทย 73% มีการใช้ AI เป็นประจำทุกวัน  อย่างไรก็ตาม 85% คนไทยมองว่า  AI ก่อให้เกิดประโยชน์เชิงบวกมากกว่า

ทั้งนี้  World ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก  3 ส่วน ในการยืนยันความเป็นมนุษย์ในโลกดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการต่างๆ ในโลกดิจิทัลอย่างปลอดภัย

1. World ID: กุญแจสู่โลกดิจิทัลที่ปลอดภัย

หลักฐานยืนยันความเป็นมนุษย์ดิจิทัลที่ช่วยให้บุคคลสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนเองเป็นมนุษย์ที่แท้จริง มีอัตลักษณ์ (Unique human) และไม่ใช่บอทหรือโปรแกรมอัตโนมัติ โดยไม่มีการเปิดเผยตัวตนของผู้ใช้ เพื่อใช้บริการออนไลน์ต่างๆ เช่น การเข้าสู่ระบบโซเชียลมีเดีย และการลงคะแนนเสียงออนไลน์ เป็นต้น

2. Orb: ดวงตาอัจฉริยะที่มองทะลุการปลอมแปลง

อุปกรณ์กล้องขั้นสูงที่ใช้ตรวจสอบว่าผู้ใช้เป็นมนุษย์ที่แท้จริง ซึ่งทำงานโดยการถ่ายภาพและประมวลผลภาพโดยไม่ต้องจัดเก็บรูปภาพหรือรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใด ระบบนี้ช่วยให้สามารถแยกแยะบุคคลออกจากกันได้โดยไม่ต้องทราบว่าบุคคลนั้นเป็นใคร

3. World App: ศูนย์กลางการจัดการตัวตนดิจิทัลและกระเป๋าเงินดิจิทัล

แอปพลิเคชันที่ให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บ World ID และยังเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลแบบ Non-Custodial Wallet ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกได้อย่างปลอดภัย และมีส่วนร่วมในระบบนิเวศของ World ผ่านการเข้าถึง Mini Apps ที่ให้บริการหลากหลาย