เสียวหมี่ ยกระบบนิเวศเชื่อมต่ออัจฉริยะ "Human x Car x Home” โชว์ MWC 2025

05 มี.ค. 2568 | 14:36 น.
อัปเดตล่าสุด :05 มี.ค. 2568 | 15:39 น.

เสียวหมี่ จัดแสดงระบบนิเวศอัจฉริยะในเวอร์ชันอัปเกรด "Human x Car x Home" ที่จะมาปฏิวัติวิธีการใช้งานสำหรับการโต้ตอบกับอุปกรณ์ผ่านการเชื่อมต่ออันราบรื่นและการหลอมรวมความอัจฉริยะด้านต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ร่วมงาน Mobile World Congress (MWC 2025)

มร. แดเนียล เดสจาลาส (Daniel Desjarlais) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสาร บริษัทเสียวหมี่ อินเตอร์เนชันนัล  จำกัด  กล่าวว่า "ที่เสียวหมี่นั้น แนวทางในการสร้างนวัตกรรมของเราเริ่มต้นจากผู้คน เราออกแบบผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก โดยระบบนิเวศอัจฉริยะ 'Human x Car x Home' ของเราสะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจนี้

เสียวหมี่ ยกระบบนิเวศเชื่อมต่ออัจฉริยะ \"Human x Car x Home” โชว์ MWC 2025

"เรากำลังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เชื่อมต่อกันโดยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ส่วนบุคคล ยานพาหนะ และพื้นที่อยู่อาศัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ในงาน MWC 2025 เราขอเชิญผู้เข้าร่วมงานทุกท่านมาร่วมค้นหาว่า เสียวหมี่นั้นได้นิยามวิธีการเชื่อมต่อของเราใหม่อย่างไร"

 

 

ภายในบูธของเสียวหมี่ในงาน MWC 2025 มีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปนั่นก็คือสมาร์ทโฟน Xiaomi 15 Series และแท็บเล็ต Xiaomi Pad 7 Series ที่ขับเคลื่อนโดยระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 รุ่นใหม่ พร้อมด้วยอุปกรณ์ AIoT อันล้ำสมัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอีกมากมายที่ทำการเปิดตัวในระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก

เสียวหมี่ ยกระบบนิเวศเชื่อมต่ออัจฉริยะ \"Human x Car x Home” โชว์ MWC 2025

สำหรับโซน Xiaomi Imagery Technology นำเสนอการนำเลนส์ระดับตำนานจาก Leica เข้ามาใช้กับสมาร์ทโฟน ของเสียวหมี่ รวมไปถึงนวัตกรรมอื่นๆ ที่เข้ามาขยายขอบเขตของการถ่ายภาพผ่านมือถืออีกด้วย นอกจากนี้เสียวหมี่ยังภูมิใจนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV ซึ่งได้แก่ Xiaomi SU7 Max และ Xiaomi SU7 Ultra ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ และนับเป็นจุดสูงสุดของประสิทธิภาพและความก้าวหน้าของเสียวหมี่ในด้านยานยนต์อัจฉริยะ

อนาคต AI ที่เชื่อมต่อถึงกัน

ในช่วงปีที่ผ่านมา ระบบนิเวศอัจฉริยะ "Human x Car x Home" ของเสียวหมี่ได้พัฒนาไปสู่อาณาจักรของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI  ที่เชื่อมต่อถึงกัน ระบบนิเวศนี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการคาดการณ์ เรียนรู้ และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ โดยปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อมอบประสบการณ์ที่ใช้งานง่ายและปรับแต่งได้ ที่บูธเสียวหมี่ ในงาน MWC 2025 ผู้เยี่ยมชมสามารถสัมผัสกับ Smart Living เพื่อดูว่าอุปกรณ์ส่วนตัว รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV และอุปกรณ์ AIoT ที่หลากหลายนั้นทำงานร่วมกันอย่างไรเพื่อปฏิวัติการใช้ชีวิตสมัยใหม่

 

ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ที่เปิดตัวในระดับสากล ถือเป็นก้าวสำคัญของเสียวหมี่ในด้านการออกแบบระบบอัจฉริยะ ที่ขับเคลื่อนโดย Xiaomi HyperCore ซึ่งเป็นรากฐานที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างประณีต และได้รับการพัฒนามาจากวิศวกรกว่า 3,000 คนพร้อมด้วยการวิเคราะห์สถานการณ์มากกว่า 25,000 สถานการณ์ และยังมาพร้อมเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ เช่น ตัวกำหนดเวลาสถาปัตยกรรมไมโคร (microarchitecture scheduler) หน่วยความจำแบบไดนามิก และ Storage 2.0 นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้คุณเปิดแอปได้เร็วขึ้น ลดการใช้พลังงาน และทำงานได้อย่างราบรื่นแม้ในสถานการณ์ที่ต้องใช้งานอย่างหนัก นอกจากนี้การโต้ตอบระหว่างอุปกรณ์ยังได้รับการปรับปรุงด้วย Xiaomi HyperConnect ซึ่งมีฟังก์ชันพิเศษ เช่น การสตรีมด้วยกล้องคู่, "Home Screen+" และความเข้ากันได้ข้ามแพลตฟอร์มที่ง่ายมากยิ่งขึ้น

เสียวหมี่ ยกระบบนิเวศเชื่อมต่ออัจฉริยะ \"Human x Car x Home” โชว์ MWC 2025

ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว Xiaomi HyperAI ซึ่งผสานรวมความสามารถของ AI ขั้นสูงที่ได้ก้าวเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าของประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ไปอย่างสิ้นเชิง โดย Xiaomi HyperAI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในชีวิตประจำวันด้วยเครื่องมือการเขียนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งหรือขยายข้อความได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันการแปลแบบเรียลไทม์และการจดจำเสียงจะทำลายอุปสรรคด้านภาษาและถอดเสียงการสนทนาด้วยความแม่นยำได้อย่างน่าทึ่ง และสำหรับในด้านความคิดสร้างสรรค์ Xiaomi HyperAI ก็ช่วยปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ๆ ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น "AI Art" ใน Mi Canvas ที่จะเปลี่ยนภาพร่างให้กลายเป็นงานศิลปะเฉพาะในแบบของคุณ ในขณะที่ AI Live Wallpapers และ AI Cinematic Lock Screens จะทำให้ภาพนั้นมีชีวิตชีวาไม่ว่าภาพนั้นจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขกับครอบครัวหรือทิวทัศน์ที่สวยงามก็ตาม

เสียวหมี่ได้ตระหนักถึงความสำคัญที่เพิ่มมากขึ้นของ AI และยังคงร่วมมือกับ Google ในการบูรณาการฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Google Gemini และ Circle to Search ยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อขับเคลื่อนประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ชาญฉลาดและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น โดยวางตำแหน่งเสียวหมี่เป็นผู้นำด้านโซลูชันอัจฉริยะที่เน้นผู้ใช้งานเป็นหลักในการใช้ชีวิตอัจฉริยะ

ความเชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนและการสำรวจที่กว้างไกลมากยิ่งขึ้น

เสียวหมี่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพผ่านสมาร์ทโฟนมาอย่างยาวนาน โดยมีความมุ่งมั่นที่จะมีความเป็นเลิศในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Leica ในปี 2565 และการร่วมกันก่อตั้งสถาบัน Xiaomi-Leica Optical Institute ในปี 2567 เสียวหมี่ก็ได้เจาะลึกถึงแก่นแท้ของการถ่ายภาพ ขยายขอบเขตของเทคโนโลยีการถ่ายภาพผ่านสมาร์ทโฟนไปพร้อมๆ กับการสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างการถ่ายภาพและมนุษย์

Xiaomi 15 Series ที่เพิ่งเปิดตัวไปสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ดังกล่าว โดยการผสานเลนส์ Leica Sumillux เข้ากับระบบการประมวลภาพเทคโนโลยี Computational Photography ที่ขับเคลื่อนด้วย Xiaomi AISP 2.0 ทำให้เกิดความก้าวหน้าครั้งสำคัญในเทคโนโลยีการถ่ายภาพและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับประสบการณ์การใช้งานการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน

นอกจากนี้เสียวหมี่ยังพยายามที่จะกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอยู่เสมอ ทั้งนี้ระบบ Xiaomi Modular Optical System จะเปิดให้ทดลองใช้จริงที่บูธ Xiaomi MWC 2025 ซึ่งถือเป็นการสำรวจแนวคิดใหม่ๆ จากความพยายามอย่างต่อเนื่อง โดยระบบกล้องของแนวคิดนี้มาพร้อมกับเลนส์ไพรม์ 35 มม. f/1.4 ที่ถอดออกได้และเมื่อรวมเข้ากับเซนเซอร์รับภาพ M4/3 ในตัวจะสามารถติดกับสมาร์ทโฟนได้ทันทีด้วยแม่เหล็ก ระบบนี้จะใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร Xiaomi LaserLink รุ่นใหม่ซึ่งเป็นโซลูชันการสื่อสารด้วยแสงขั้นสูง ทำให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่างกล้องและโทรศัพท์ได้อย่างราบรื่น และด้วยการผสานความสามารถในการถ่ายภาพอันเหนือชั้นของฮาร์ดแวร์กล้องแบบดั้งเดิมเข้ากับพลังการประมวลผลของสมาร์ทโฟน เสียวหมี่จึงเป็นผู้ริเริ่มแนวทางที่ล้ำสมัยในด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพ

นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV และความสำเร็จที่ทุบสถิติ

เสียวหมี่มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV รายได้จากยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV นั้นใกล้จะแตะ 10,000 ล้านหยวน และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.1% ในไตรมาสที่ 3 ปีของปี 2567 สำหรับ Xiaomi SU7 Series นั้นมียอดส่งมอบต่อเดือนเกิน 25,000 คันในเดือนธันวาคม 2567 โดยมียอดส่งมอบยานยนต์มากกว่า 135,000 คันในปี 25671 ทั้งนี้เสียวหมี่ตั้งเป้าที่จะส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้า 300,000 คันในปี 2568 และกำลังขยายกำลังการผลิตและเครือข่ายการขาย ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์ยานยนต์มากกว่า 216 แห่งใน 64 เมืองในประเทศจีนในเดือนมกราคม 2568

เสียวหมี่ ยกระบบนิเวศเชื่อมต่ออัจฉริยะ \"Human x Car x Home” โชว์ MWC 2025

ในเดือนตุลาคม 2567 รถต้นแบบ Xiaomi SU7 Ultra สร้างสถิติรอบสนามที่ 6'46"874 ที่สนาม Nürburgring Nordschleife จึงทำให้ได้รับฉายาว่า "รถยนต์สี่ประตูที่เร็วที่สุดในโลก" Xiaomi SU7 Ultra พร้อมจำหน่ายแล้วและจะจัดแสดงอยู่ที่บูธ Xiaomi MWC 2025 โดยรถรุ่นนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับการผสมผสานระหว่างสมรรถนะอันล้ำสมัยกับสไตล์ที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณโดดเด่นทั้งในสนามแข่งระดับมืออาชีพและบนท้องถนนในเมือง

ความสำเร็จของเสียวหมี่ในด้านธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV นั้นตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อนวัตกรรม คุณภาพ และการเติบโตที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และทำให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอันน่าเกรงขามในอุตสาหกรรมยานยนต์

การสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนและชาญฉลาด

เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ยอดเยี่ยมและยั่งยืนให้กับผู้ใช้ทั่วโลก โดยการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนถือเป็นหัวใจหลักของกลยุทธ์ทางธุรกิจ

กลยุทธ์ระบบนิเวศอัจฉริยะ "Human x Car x Home" ของเสียวหมี่นั้นถูกออกแบบมาเพื่อวิถีชีวิตที่ให้คุณปล่อยคาร์บอนต่ำ มีประสิทธิภาพ และชาญฉลาด พร้อมทั้งยังขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรม ESG ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง หลักการดำเนินการที่สำคัญของเสียวหมี่คือการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยการปรับแต่งโหมดต่างๆ ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายในบ้านอย่างชาญฉลาดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งาน การตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานด้วยการใช้พลังงานน้อยที่สุด และมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ชาญฉลาด สะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ระบบการผลิตอัจฉริยะของเสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบอัตโนมัติขั้นสูงในหลายด้านสำคัญซึ่งทำให้เกิดความก้าวหน้าในด้านความยั่งยืนเป็นอย่างมาก ที่โรงงานยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV ของเสียวหมี่ "Hyper Intelligent Manufacturing Platform" ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะทำการปรับปรุงกระบวนการผลิตทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยครอบคลุมทุกกระบวนการตั้งแต่การกำกับดูแลของฝ่ายบริหารไปจนถึงการปรับเปลี่ยนอัตโนมัติที่แม่นยำเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด โดยแพลตฟอร์มนวัตกรรมนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการใช้ทรัพยากรในทุกขั้นตอนการผลิต ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนของเสียวหมี่