“ดีอี” เผย 5 เดือนแรกปิดกั้นโซเชียลมีเดียเว็บผิดกฎหมาย 80,000 รายการ

28 ก.พ. 2568 | 11:01 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.พ. 2568 | 12:48 น.

“ดีอี” เผยผลงานปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และ เว็บไซต์ URLs ที่ผิดกฎหมาย 5 เดือนแรก ในปีงบ 67 แล้วกว่า 80,000 รายการ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี ได้เร่งรัดการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการตัดวงจรช่องทางการก่ออาชญากรรมที่สำคัญของขบวนการมิจฉาชีพ

ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568 (ระยะเวลา 5 เดือนของปีงบประมาณ 2567) กระทรวงดีอี ได้ดำเนินการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายแล้ว 80,669 รายการ หรือเฉลี่ย 16,133 รายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 1.508 เท่าตัว จากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2567 (เดือน ตุลาคม 2566 - กุมภาพันธ์ 2567) ที่ปิดกั้น 53,466 รายการ หรือ เฉลี่ย 10,693 รายการต่อเดือน

 

สำหรับประเภทของการปิดกั้นในระยะเวลา 5 เดือน ( ต.ค. 2567   - ก.พ. 2568) มีดังนี้

  • พนันออนไลน์ จำนวน 31,832 รายการ เพิ่มขึ้น 1.3 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ต.ค.66 – ก.พ.67  ) ที่มีจำนวน 24,352 รายการ
  • บิดเบือน/หลอกลวงออนไลน์ จำนวน 21,939 รายการ ลดลง 0.8769 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ต.ค.66 – ก.พ.67  ) ที่มีจำนวน 25,017 รายการ
  • อื่นๆ จำนวน 26,898 รายการ เพิ่มขึ้น 6.565 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ต.ค.66 – ก.พ.67  )  ที่มีจำนวน 4,097 รายการ

 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง

 

“จากการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเฝ้าระวัง ตรวจสอบติดตามการก่ออาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทำให้สถิติการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ เว็บไซต์ และ URLs ผิดกฎหมายมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้น จากช่วงเวลาเดียวของปีงบประมาณก่อนหน้า อย่างไรก็ตามกระทรวงฯ จะติดตามตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยหากกรณีที่ยังพบเว็บไซต์บางรายการที่ยังเพิกเฉย ไม่ปิดกั้น / ระงับการเผยแพร่ ตามที่ศาลได้มีคำสั่ง จะถือเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล มีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งหากพบการฝ่าฝืนดังกล่าว กระทรวงฯ จะนำผลการตรวจสอบการไม่ระงับ / ไม่ปิดกั้นเว็บไซต์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แพลตฟอร์มด้วยระบบการจัดเก็บทางคอมพิวเตอร์ ไปทำการปรับพินัยฐานไม่ปิด URLs ที่ผิดกฎหมาย ต่อไป” รองนายกฯ ประเสริฐ กล่าว.