จีเอเบิล โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 รายได้เข้า 1,938 ล้านบาท เติบโต 58%

15 ส.ค. 2567 | 11:45 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ส.ค. 2567 | 11:53 น.

จีเอเบิล ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 2/2567 รายได้จากธุรกิจหลัก เติบโต 58% จากไตรมาส 2/2566 แบ็คล็อคเติบโต 22% จากไตรมาส 2/2566 เดินหน้าพันธมิตรทางธุรกิจต่อเนื่อง โดยล่าสุดปิดดีลเข้าถือหุ้นใหญ่ Round 2 Solutions

ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่าไตรมาสสองปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ ยังคงมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้ และกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

จีเอเบิล โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 รายได้เข้า 1,938 ล้านบาท เติบโต 58%

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา จีเอเบิล  ได้เข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 75% ของบริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด (Round 2 Solutions) คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 330 ล้านบาท จากเงินทุนบางส่วนที่ได้จาก IPO หวังช่วยเสริมให้ จีเอเบิล ในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์มุ่งก้าวสู่ผู้นำ Smart Business Application Provider ในประเทศไทย โดยนำเอานวัตกรรมแห่งเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ระดับโลกทั้งระบบ ERP (Enterprise Resources Planning) และ CRM (Customer Relationship Management) แบบครบวงจร ตอบโจทย์กลยุทธ์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้อย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ บริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด ถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไทย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการวางโครงสร้างการเชื่อมต่อระบบ ERP และ CRM Platform มากว่า 10 ปี มีฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่มากกว่า 40 ราย ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด สามารถผสานการเชื่อมต่อให้เข้ากับระบบแอปพลิเคชัน ระบบปฏิบัติการ รวมถึงระบบต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้าน Digital Transformation ให้กับจีเอเบิล ตั้งแต่การให้บริการคำปรึกษาด้านกลยุทธ์และพัฒนาเทคโนโลยี การวางโครงสร้างพื้นฐานทาง ไอที การให้บริการเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ระดับโลก ที่เป็นตัวช่วยในการเพิ่มศักยภาพการเข้าแข่งขันในโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ร่วมกัน และสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด มีรายได้จากการขายและให้บริการ 236 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 18 จากปีก่อน นอกจากนี้มีอัตรากำไรขั้นต้น 29% และอัตรากำไรสุทธิ 10%

นางสาวรวีรัตน์ สัจจวโรดม ประธานบริหารสายงานการเงินและกลยุทธ์ บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ การเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง สำหรับในไตรมาส 2/2567 รายได้จากการขายและบริการ 1,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 68% จากไตรมาสก่อน

นอกจากนี้มีกำไรจากการดำเนินงาน 119 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 878% จากไตรมาสก่อน กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 633% จากไตรมาสก่อน

หากไม่นับรวมรายการภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี ที่กลุ่มบริษัท จีเอเบิล ไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางภาษีได้ จึงรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ในไตรมาสนี้ 29 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มบริษัทจีเอเบิล มีกำไรสุทธิ 93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 976% จากไตรมาสก่อน ขณะกลุ่มบริษัทจีเอเบิล มีแบ็คล็อค และยอดขายที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 โดยมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) สูงในระดับ 5,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาส 2/2566 รองรับการรับรู้รายได้ในอนาคต และมี Backlog ที่พร้อมรองรับรายได้ในปี 2567 แล้วกว่า 2,066 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของเป้าหมายรายได้ในช่วงที่เหลือในปี 2567

จากความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง และการมีวินัยทางการเงินของกลุ่มบริษัทจีเอเบิล โดยมีอัตราส่วนที่มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนในระดับต่ำเพียง 0.58 เท่า และมีกระแสเงินสดแข็งแกร่งมากกว่า 1,100 ล้านบาท ที่พร้อมรองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทจีเอเบิล ลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ

การเข้าถือหุ้นใหญ่ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของจีเอเบิล และเป็นปรากฏการณ์สำคัญอีกครั้งของวงการ Tech ในประเทศไทย เนื่องจากเข้าลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ จีเอเบิล เป็นองค์กรที่มีบริการต่างๆ ที่ครอบคลุมตอบโจทย์ทุกภาคธุรกิจองค์กรแบบ End-to-end ซึ่งในประเทศไทยมีเพียงไม่กี่เจ้า

ด้วยความเชี่ยวชาญด้าน Business Application ของบุคลากร Round 2 Solutions กว่า 100 คน ประกอบกับความเชี่ยวชาญในด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัลของบุคลากรจีเอเบิลกว่า 1,500 คน ที่มีมาอย่างยาวนาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานต่างๆ ของทุกธุรกิจองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนให้ดียิ่งขึ้นและพร้อมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตามสมการที่ว่า Sustainable Growth = Smart + Secure” ดร.ชัยยุทธ กล่าวสรุป