นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า อว. ร่วมกับกรุงเทพมหานคร นำผลงานวิจัยและนวัตกรรมของ อว. ไปใช้สนับสนุนการทำงานของ กทม. เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่ส่งผลให้เมืองประสบกับปัญหา ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติ มลภาวะ รวมถึงการอยู่อาศัย ความยากจน ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ความปลอดภัย ผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการบริการสาธารณสุขและการป้องกัน
โดยการแก้ไขปัญหาในหลายมิติ จำเป็นต้องมีงานวิจัยและนวัตกรรมเข้าไปช่วยสนับสนุน ซึ่งกระทรวง อว. มีผลงานวิจัยและนวัตกรรมพร้อมใช้จำนวนมาก เช่น Traffy Fondue แพลตฟอร์มรับเรื่องและบริหารจัดการปัญหาเมือง ประชาชนทุกคนสามารถแจ้งปัญหาที่เจอเพื่อให้หน่วยงานช่วยแก้ปัญหาได้ เช่น ปัญหาความสะอาด ไฟฟ้า ประปา ทางเท้า เป็นต้น
ส่วนงานตลาดนัดนวัตกรรม 3 มุมเมือง อว. ได้นำผลงานนวัตกรรมจำนวนมากมาแสดง เช่น
1. ด้านสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ มีเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ วัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และ PM 10 แบบเซ็นเซอร์ มีอุปกรณ์ตรวจวัดการสั่นสะเทือนโครงสร้างอาคารและระบบแจ้งเตือนภัย เพื่อทำให้ชาวกรุงเทพฯ อยู่อาศัยอย่างปลอดภัยขึ้น
2. ด้านสุขภาพ มีย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี เป็นพื้นที่ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนด้านการแพทย์และทำงานร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลเพื่อทำให้การดูแลและส่งต่อผู้ป่วยทำได้รวดเร็วและสามารถเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ได้ดีขึ้น
3. ด้านสังคม มีแอปพลิเคชันบริการรถแท็กซี่สำหรับผู้สูงอายุ, มีต้นแบบเผยแพร่วัฒนธรรมไทย - จีนจากมุมมองของคน 3 ช่วงวัย เพื่อให้เมืองสามารถดูแลกลุ่มเปราะบางได้อย่างครอบคลุม
4. ด้านเศรษฐกิจ มีแอปพลิชันระบบบัญชีอัจฉริยะ, มีแพลตฟอร์มข้อมูลชี้เป้าครัวเรือนยากจน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาแบบพุ่งเป้าเบ็ดเสร็จ
5. ด้านการศึกษาและการเรียนรู้ มีแอปพลิเคชันคัดกรองเด็กที่มีความลำบากในการอ่าน เพื่อเพิ่มสัมฤทธิผลทางการศึกษาของเด็กและเยาวชน
สำหรับแผนงานที่ อว. ร่วมกันดำเนินงานกับ กทม. ประกอบไปด้วย
1. เร่งนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปช่วยในการพัฒนาเมืองนวัตกรรมในทุกมิติ โดยให้ใช้ศักยภาพด้านการวิจัยและนวัตกรรมของ อว. สนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน และชุมชน สำหรับ กทม. ให้ทำงานร่วมกับ Bangkok City Lab และส่วนงานอื่น ๆในการนำโจทย์ความต้องการมา Match กับผลงานวิจัยของ อว. ให้เกิดการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในวงกว้าง และมุ่งพัฒนาความร่วมมือกับผู้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยโดยตรงในวงกว้างเช่นกัน
2. สนับสนุนการพัฒนาต้นแบบพัฒนาเมือง (City Sandbox) ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวัตกรรม เช่น ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี รวมถึงการสนับสนุนให้นำผลงานด้านศิลปะวัฒนธรรมมาส่งเสริมให้เกิดย่านวัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิตไปพร้อมกับการรักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทย
3. สนับสนุนการจัดทำข้อมูล (City Data Platform) ที่สามารถสะท้อนถึงสุขภาพเมือง ทำให้สามารถคาดการณ์อนาคตและแก้ปัญหาได้ตรงจุด เช่น ตัวชี้วัดการพัฒนาเมือง แพลตฟอร์มข้อมูลชี้เป้าครัวเรือนยากจน ฐานข้อมูลพื้นที่เสี่ยง อาคารสูง และการจัดการภัยพิบัติ
ด้าน รศ.ดร. ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า การจัดงานตลาดนัดนวัตกรรม 3 มุมเมือง จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1 – 3 กุมภาพันธ์ 2567 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เป็นการพัฒนาเมืองในหลาย ๆ ด้านเพื่อป้องกันและแก้ไขภาวะวิกฤตในหลากหลายมิติ และจำเป็นต้องมีงานวิจัยและนวัตกรรมเข้าไปช่วยสนับสนุน อาทิ ข้อมูลที่ปัจจุบันที่ยังไม่มีการจัดเก็บหรือยังไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ดี ทำให้ขาดข้อมูลที่สามารถสะท้อนถึงสุขภาพเมือง ไม่สามารถคาดการณ์อนาคต ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ การพัฒนาทักษะฝีมือ เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มคุณภาพการศึกษา เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม การป้องกันภัยพิบัติ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ หน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) จึงเห็นความสำคัญและโอกาสที่จะนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากการส่งเสริมเชิงนโยบายและการสนับสนุนทุน ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเมืองและพื้นที่ต่าง ๆ จึงเสนอให้จัดงานเพื่อแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรมของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว) และหน่วยงานในสังกัด ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม และสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับเมืองและชุมชนท้องถิ่นไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือระหว่างกระทรวง อว. และกระทรวงมหาดไทย พร้อมหน่วยงานในสังกัด
ทั้งนี้ เปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้พบกับนักวิจัยจากสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยเพื่อเกิดการจับคู่นำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปขับเคลื่อนต่อในพื้นที่ของตนเอง รวมทั้งเข้าถึงช่องทางการรับทุนสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมจากหน่วยบริหารและจัดการทุนต่าง ๆ และสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล โดยใช้ผลงานนวัตกรรมสร้างโอกาสในการสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาปากท้องและสังคมได้เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีความสามารถในการรับมือ ปรับตัวและฟื้นตัวจากวิกฤตต่าง ๆ ได้
สำหรับกาาตัดงาน “ตลาดนัดนวัตกรรม 3 มุมเมือง” มีนัย 3 อยู่ประการดังนี้
1. การสะท้อน “ประเด็นปัญหาที่สำคัญ” ของเมืองและชุมชนท้องถิ่น ได้แก่
2. ครอบคลุม “กลุ่มเป้าหมาย” ได้แก่
3. สื่อถึง “พื้นที่จัดงาน” โดยจัดแบ่งเป็น 3 โซนที่สำคัญ ได้แก่