ค่าฝุ่น PM2.5 เช้าวันนี้ 19 มกราคม 2567 พีคสุดพบ 22 จังหวัดที่มีค่าฝุ่นสูง

19 ม.ค. 2567 | 09:37 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ม.ค. 2567 | 09:48 น.

ค่าฝุ่น PM 2.5 เช้าวันนี้ 19 มกราคม 2567 พีคสุดพบ 22 จังหวัดที่มีค่าฝุ่นสูงสุด หลัง “จิสด้า” ภายใต้สังกัด อว. ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ แจ้งรายงานค่าฝุ่นเกินมาตรฐานมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ค่าฝุ่น PM 2.5 เช้าวันนี้ 19 มกราคม 2567 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า ภายใต้สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม  หรือ อว. ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ, กรมควบคุมมลพิษ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 19 มกราคม 2567 พบว่ามี 22 จังหวัด ที่มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพสีแดง

  • สมุทรสาคร  153.7 ไมโครกรัม
  • สมุทรสงคราม 145.4 ไมโครกรัม
  • นครปฐม  118.1 ไมโครกรัม
  • นนทบุรี 113 ไมโครกรัม
  • กรุงเทพมหานคร 110 ไมโครกรัม เป็นต้น

 

นอกจากนี้ ยังพบค่าฝุ่นที่เกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพสีส้ม  อีก 23 จังหวัด

ในขณะที่กรุงเทพมหานคร พบค่าฝุ่น PM2.5 ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพสีแดง  ทุกเขตของพื้นที่  ดังนี้

  • หนองแขม167.1 ไมโครกรัม
  • บางกอกใหญ่  152.2 ไมโครกรัม
  • ธนบุรี 145.8 ไมโครกรัม
  • บางบอน 142.7 ไมโครกรัม
  • ทวีวัฒนา  142 ไมโครกรัม เป็นต้น

แอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่จะมีค่าคุณภาพอากาศที่ยังคงอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพสีส้ม ทั้งนี้ ข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM 2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น

 

ค่าฝุ่น PM 2.5

ทั้งนี้ จากข้อมูลจุดความร้อนที่รายงานโดย GISTDA เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 พบจุดความร้อนทั้งประเทศ 389 จุด ส่วนใหญ่พบในพื้นที่เกษตร 168 จุด ตามด้วยพื้นที่ แขต สปก. 76 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 68 จุด ชุมชนและอื่นๆ 41 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 26 จุด พื้นที่ริมทางหลวง 10 จุด และ โดยจังหวัดที่พบจำนวนจุดความร้อนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ลพบุรี  44 จุด ชัยภูมิ 22 จังหวัด และ ชลบุรี 22 จุด

นอกจากนี้ ประเทศเพื่อนบ้านที่พบจุดความร้อน มากสุดอยู่ที่กัมพูชา 1,999 จุด ตามด้วย พม่า 439 จุด ลาว 174 จุด และเวียดนาม 120 จุด ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ.

ที่มา: จิสด้า