ประธาน กสทช. เดินหน้าผลักดัน 9 นโยบายเร่งด่วนขับเคลื่อนงานสำนักงาน ปี 2567

21 ธ.ค. 2566 | 19:50 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ธ.ค. 2566 | 19:59 น.

ประธาน กสทช. เดินหน้าผลักดัน 9 นโยบายเร่งด่วนขับเคลื่อนงานสำนักงาน ปี 2567 เผยอยากเห็นการคุ้มครองผู้บริโภคที่จริงจังทั้งเรื่องค่าบริการโทรคมนาคม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในทุกกลุ่ม

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในปี 2567 มีเรื่องเร่งด่วนที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ต้องดำเนินการในฐานะองค์กรกำกับดูแลกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน รวมถึงเร่งผลักดันให้เกิดนโยบายคุ้มครองผู้บริโภค โดยเบื้องต้นได้มอบหมาย 9 นโยบาย ได้แก่

1) เร่งดำเนินการนโยบายหนึ่งภาคหนึ่งผู้ให้บริการ MVNOs ภายในปี 2569 โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มผู้แข่งขันในตลาดอย่างน้อย 7 ราย เพื่อเพิ่มทางเลือกและการให้บริการกับประชาชน ขณะเดียวกันส่งเสริมให้เกิดแพลตฟอร์ม MVNA/MVNE ที่เชื่อมต่อง่าย ลดอัตราอัตราค่าบริการภายในภูมิภาคให้ถูกลงอย่างน้อย 20% จากแผนส่งเสริมการขายที่ถูกที่สุดของผู้ให้บริการระดับชาติ (national carrier) อัตราค่าบริการนอกพื้นที่ และค่าธรรมเนียมระหว่างภูมิภาค (inter-regional charge) ที่แตกต่าง เพื่อให้เหมาะสมกับค่าครองชีพของภาคนั้น ๆ โดยมีเงื่อนไขที่ไม่อนุญาตให้ผู้บริการระดับชาติที่เป็นเจ้าของโครงข่ายถือหุ้นในบริษัทผู้ให้บริการระดับภูมิภาค (regional carrier) เกิน 25% 
 

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์

2) พัฒนา USO net เป็นศูนย์บริการดิจิทัล วันสต็อป ของรัฐ (Government Digital Service Market and Streaming Center) ภายในปี 2569 โดยยกระดับศูนย์ USO ให้เป็นศูนย์บริการประชาชนสำหรับการบริการดิจิทัล ของภาครัฐ ด้วยบริการอื่น ๆ เช่น Telemedicine สำนักงานประกันสังคม กรมการจัดหางาน คิวทำพาสปอร์ต และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการของรัฐได้ง่าย 

3) ออกระเบียบตามมาตรา 57 วรรค 2 ให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนบุคคลของคนไทยสามารถเข้าถึง บริการดิจิทัลของรัฐฟรี เช่น ใบขับขี่ หมอพร้อม digital wallet และ mobile id เป็นต้น โดยไม่ต้องเสียค่าบริการ 4) ดำเนินการสร้างระบบการแจ้งเตือนภัยผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อเชื่อมกับระบบการสั่งการของรัฐบาล 5) จัดทำ National Single Number 191 เบอร์เดียวแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายทั่วไทย เป็นการใช้เบอร์ฉุกเฉินเดียวกับรัฐบาล 

6) พัฒนาระบบ Traffy Fondue แจ้งบริการของสำนักงาน กสทช. และเหตุด่วนเหตุร้ายทางไซเบอร์ โดยจะปรับปรุงระบบการบริการให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการแจ้งเหตุ ผ่านการนำนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ได้ให้ทุนเข้าหลอมรวมกัน เพื่อรองรับการบริการประชาชน 

7) ส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมด้านอุปกรณ์โทรคมนาคมเพื่อการเข้าถึงของผู้พิการทางสายตาและเสียง 8) ทำให้ศูนย์ USO net เป็นศูนย์ช่วยเหลือคนพิการในการเข้าถึงบริการดิจิทัล และ 9) ส่งเสริมให้ศูนย์ USO เป็นศูนย์กลาง e-commerce ชุมชน เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางด้านอุปกรณ์

“นโยบายที่ให้สำนักงาน กสทช. ในปี 2567 ทุกคนต้องมุ่งมั่นทำงานให้กับประชาชนมากกว่านี้ ในฐานะหน่วยงานกำกับผมอยากเห็นการคุ้มครองผู้บริโภคที่จริงจังทั้งเรื่องค่าบริการโทรคมนาคม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในทุกกลุ่ม รวมถึงการอำนวยความสะดวกในด้านบริการต่าง ๆ ให้แก่ประชาชนโดยมีสำนักงาน กสทช. เข้าไปมีส่วนร่วมให้มากขึ้น” ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ กล่าว