ผ่านไปกว่า 1 ปี บอร์ด กสทช.จำนวน 7 คน ยังมีร่องรอยความขัดแย้ง เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างยึดหลักกฎหมายเป็นข้ออ้างในการโหวตมติสำคัญๆ ทำให้สำนักงาน กสทช. ไม่มีผลงานใหม่ที่จะขับเคลื่อนออกไป
อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จะหาทางออกแก้ปัญหาความคิดเห็นต่างของ บอร์ด กสทช. 7 คน ได้อย่างไรติดตามอ่านจากบรรทัดถัดจากนี้
ย้อนรอยปมร้าวบอร์ด กสทช.
นพ.คลินิก ย้อนเรื่องราวว่า ภายหลังบอร์ด กสทช.จำนวน 5 คน ได้รับการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.65 เรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ การควบรวม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค บอร์ดแปลความทางด้านกฎหมายต่างกัน โดยเฉพาะข้อถกเถียง เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ให้พิจารณาดำเนินการตามประกาศฉบับปี 2561 ขณะที่การควบรวมธุรกิจเป็นสิทธิของรัฐธรรมนูญกำกับดูแลโดยกระทรวงพาณิชย์ เรื่องดังกล่าวได้เข้าที่ประชุมจำนวน 9 ครั้ง เป็นวาระแจ้งเพื่อทราบการรวมธุรกิจ จนในที่สุดบอร์ด กสทช.มีมติเสียงข้างมากรับทราบการควบรวมธุรกิจ
“หนักใจ ในการบริหารจัดการหลังจากเข้ามารับตำแหน่งมีการแปลความทางด้านกฎหมายแตกต่างกัน นอกจากเรื่อง ทรู กับ ดีแทค แล้วยังมีเรื่องนำเงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กองทุน กทปส. ไปสนับสนุนการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 จำนวน 600 ล้านบาทสนับสนุนฟุตบอลโลก และ ผู้ชมจำนวนมากไม่สามารถรับชมถ่ายทอดสดได้เนื่องจากติดลิขสิทธิ์จนกลายเป็นจอดำ สองประเด็นหลักกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปมปัญหา”
รอรัฐบาลใหม่เป็นกาวใจ
ที่ผ่านมาพยายามจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ก็ยังไม่เห็นผล และ เชื่อว่าสักวันบอร์ด กสทช. มีความสมดุลเกิดขึ้น หากรัฐบาลจัดตั้งสำเร็จน่าจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาเชื่อมโยงบอร์ด กสทช.หาทางออกเพื่อแก้ไขร่วมกันได้
ส่วนกรณีมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 ปิดประชุมกะทันหันเนื่องจากมีข้อถกเถึยงเรื่องโครงสร้างใหม่ และ ใช้เวลาการประชุมมากพอสมควร เลยสั่งปิดการประชุมน่าจะเหมาะสมเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในส่วนของการสรรหาเลขาธิการ กสทช.คนใหม่คาดว่าภายในปลายเดือนสิงหาคม หรือ เดือนกันยายนนี้ สามารถจะสรุปเลือกเลขาธิการ กสทช.ได้อย่างเป็นทางการ
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการพิจารณารวมธุรกิจระหว่าง บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด และ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB คณะอุนกรรมการอยู่ระหว่างดำเนินการคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินเดือนพฤศจิกายน 2566
ตั้ง “ดร.พิรงรอง” เป็นประธานอนุฯ OTT
สำหรับมาตรการกำกับดูแลแพลตฟอร์มการแพร่เสียงผ่าน บริการดิจิทัลแพลตฟอร์ม หรือ OTT ล่าสุด บอร์ด กสทช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการให้บริการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยมีศาสตราจารณ์ ดร. พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. เป็นประธานคณะอนุกรรมการ พิจารณาในเรื่องนี้ กรณีของ OTT ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กฎหมายกำกับดูแลไม่ทันจึงไม่ได้กำหนดกรอบเวลาเอาไว้ ที่สำคัญกฎหมายยังไม่ระบุชัดเจนให้อำนาจหน่วยงานใดเป็นผู้บริหารจัดการในเรื่องนี้ การกำดูแลต้องเป็นนโยบายของรัฐบาล กับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ต้องมีคำสั่งการเป็นอำนาจลงมาเพื่อให้บทบาทและหน้าที่หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะ กสทช.ไม่สามารถออกประกาศเป็นอำนาจหน้าที่ของตนเองอาจจะถูกฟ้องร้องเพราะใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต
แจงที่มา "One NBTC"
ที่มาโครงการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการภายใต้ชื่อ "One NBTC ของสำนักงาน กสทช.” ต้องบอกว่าโครงการนี้มีแรงบันดาลใจมาจากการไปประชุมระดับผู้แทนระดับรัฐมนตรีของประเทศสมาชิกสภาบริหาร ในระหว่างการประชุมสภาบริหารของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ประจำปี 2023 (2023 Session of the Council) มีคณะทำงานใหม่ที่จัดตั้งขึ้นมาพัฒนาไอทียู ขึ้นมาใหม่ เมื่อผ่านการทำงานมา 1 ปี จึงอยากปรับเปลี่ยนองค์กรจากระดับล่างสู่ระดับบน อยากถามพนักงาน 2-3 เรื่อง ภารกิจในการปฏิบัติงาน งบประมาณ หากต้องการให้สำนักงาน กสทช. เป็นองค์กรดิจิทัล ควรเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น สายโทรคมนาคม สายกระจายเสียง และ การออกใบอนุญาต การกำกับดูแล หลังจากนี้อีก 5 ปีข้างหน้าภาระงานจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ต้องการให้พนักงานมองทิศทางอนาคตข้างหน้าหลังจากนี้ภายใน 5 ปี พนักงาน กสทช.ทั้งหมด มีแนวความคิดและไอเดียอย่างไร เพื่อให้สำนักงานเป็นองค์กรดิจิทัล
บอร์ด กสทช. 7 คน มีดังนี้
5 คนแรกที่ได้รับโปรดเกล้าฯ
หลังจากนั้นโปรดเกล้าฯ กสทช.อีกจำนวน 2 คน คือ