ค่ายมือถือ “AIS-ทรู” เชื่อวิถีชีวิตอนาคตขาด AI ไม่ได้

22 ส.ค. 2566 | 18:32 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ส.ค. 2566 | 18:48 น.

ค่ายมือถือ เชื่อวิถีชีวิตอนาคตขาด AI ไม่ได้ AIS นำ AI ยกระดับการใช้ชีวิตของลูกค้า  ขณะที่ค่ายทรู เร่งอัพสกิลบุคลากร รับคลื่น AI พร้อมนำเอา AI มาช่วยจัดการด้านทรัพยากรและพลังงาน

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด หรือ AIS กล่าวในงานสัมมนา AI Revolution AI : เปลี่ยนโลกธุรกิจ  จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  ว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่หลายคนพูดกัน AIS   มีความตั้งใจจริงที่จะนำมาช่วยยกระดับการใช้ชีวิตของลูกค้าของ AIS  โดยตลอดที่ AIS อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มาตลอด 30 ปี มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท และยังคงลงทุนเฉลี่ยปีละ 25,000-30,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อนำเอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาให้บริการแก่ลูกค้า

ค่ายมือถือ “AIS-ทรู” เชื่อวิถีชีวิตอนาคตขาด AI ไม่ได้

แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจากทั้งสภาพเศรษฐกิจ ต้นทุนด้านพลังงานจะทำให้อัตราการสร้างกำไรในภาคธุรกิจโทรคมนาคมลดลงอย่างต่อเนื่องโดยในปีที่ผ่านมาอยู่ที่อัตราเพียง 2.7% เท่านั้น

ดังนั้น ปัจจัยที่จะช่วยให้ความต้องการในการให้บริการเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้ข้อจำกัดหลายๆด้านคือการนำเอา AI เข้ามาปฏิวัติในภาคธุรกิจ โดย AIS มีความต้องการมุ่งสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจแบบร่วมกัน หรือ อีโคซิสเต็มส์ อีโคโนมี ผสานความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมร่วมผู้ประกอบการ พร้อมสร้างศักยภาพของคนไทย ผ่านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่มีความอัจฉริยะ บนโครงข่าย 5G และเน็ตบ้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

โดย AIS ตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและคนไทย ผ่าน 3 องค์ประกอบคือ 1.Digital Intelligence  Infrastructure: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอัจฉริยะ จากโครงข่าย 5G และเน็ตบ้าน พร้อม 5G Platform เพื่อภาคอุตสาหกรรม ด้วยการลงทุนในปีนี้ที่ 27,000 - 30,000 ล้านบาท

2.Cross Industry Collaboration: เชื่อมต่อธุรกิจข้ามอุตสาหกรรม พร้อมร่วมมือกับผู้ประกอบการรายย่อยกว่า 1.8 ล้าน ร้านค้าทั่วประเทศ สร้างการเติบโตไปด้วยกัน พร้อมประโยชน์เพื่อลูกค้า

3.Human Capital & Sustainability: ยกระดับขีดความสามารถของ Digital Talent และคนไทยผ่าน Education Platform รวมถึงส่งเสริมความรู้ทักษะดิจิทัลสร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์

นายปรัธนา กล่าวอีกว่า วิสัยทัศน์ในการก้าวพาองค์กรจากเดิมที่อยู่เพียงแค่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมเปลี่ยนมาเป็น Digital Life Service Provider มาสู่ความเป็น Cognitive Tech-Co หรือองค์กรอัจฉริยะ ปีนี้เราจะเห็นได้ว่ามี 4 แกนหลักประกอบไปด้วยโมบาย ,ฟิกซ์ บรอดแบนด์ ,ลูกค้าองค์กร และบริการด้านดิจิทัล ซึ่งเมื่อรวมกับแนวคิด เศรษฐกิจแบบร่วมกัน ที่ผสานความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมจากผู้ประกอบการผ่านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่มีความอัจฉริยะ บนโครงข่าย 5G และเน็ตบ้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ส่งผลให้ AIS สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกด้านให้กับลูกค้า ทั้งในแง่เทคโนโลยีและการให้บริการที่เหนือระดับ ภายใต้การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทุกภาคส่วน สอดประสานการทำงานโดยใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาสร้างการเติบโตร่วมกันให้กับลูกค้า คนไทย และประเทศชาติในแบบยั่งยืน

และ AI   สำหรับ AIS นั้น เราให้ความสำคัญใน 3 องค์ประกอบคือ 1.Automation 2.Augmentation และ 3.Acceleration ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทั้งในเรื่องของเน็ตเวิร์กที่ต้องมีความ Interactive หรือสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าตลอดเวลา สามารถสร้างรูปแบบบริการเฉพาะบุคคลแบบ Personalization ของลูกค้าได้อย่างตรงใจ และมีความรวดเร็วสามารถตอบสนองในระดับ Real Time เพื่อให้เท่าทันทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งการใช้เทคโนโลยี Autonomous Network Monitoring เข้ามาการตรวจเช็คปริมาณการใช้งานของลูกค้าแบบ Realtime เพื่อให้สามารถจัดสรร Capacity ของเน็ตเวิร์คให้กับลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ หรือแม้แต่งานบริการดูแลลูกค้าแบบ Intelligent Service ที่มีการนำ AI เข้ามาเป็นตัวช่วยตรวจสอบ ช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาอัจฉริยะแบบ Smart Diagnostics เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าอย่างสูงสุด

ค่ายมือถือ “AIS-ทรู” เชื่อวิถีชีวิตอนาคตขาด AI ไม่ได้

ด้านนายชารัด เมห์โรทรา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การอัพสกิลพนักงานและบุคลากรในองค์กรเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อมี AI เข้ามาเป็นปัจจัยในการทำงานในอนาคต ดังนั้นความท้าทายที่จะเกิดขึ้นคือ การเพิ่มศักยภาพของพนักงานด้วยการนำเอาเทคโนโลยีมาเสริมเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า เพราะสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการนำเอา AI มาช่วยจัดการด้านทรัพยากรและพลังงาน โดยที่ผ่านมาทรูเองให้ความสำคัญกับพันธมิตรอย่างอีริคสันและหัวเว่ยในการลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพของเน็ตเวิร์กอย่างมีนัยยะสำคัญได้ถึง 20%

โดยทรูมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีดิจิทัลพัฒนาบริการดิจิทัล เพื่อให้ชีวิตลูกค้าดียิ่งขึ้นทุกวัน ดังนั้นนอกเหนือจากการดูแลความปลอดภัยสร้างความมั่นใจด้านโครงข่ายแล้ว ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ให้ลูกค้ามั่นใจ ไร้กังวลได้เต็มที่ในทุกครั้งที่ใช้บริการดิจิทัล ซึ่งทรูเองมีนวัตกรรมที่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าทรู ก็คือ ‘มะลิ AI’ ซึ่งมะลินับว่าเป็น AI แรกของธุรกิจโทรคมนาคมไทย จากจุดเริ่มต้นในปี 2014 ที่เป็น Voice Command Service อัจฉริยะที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการรอสายนานเวลาที่เราโทรเข้า Call Center แต่ปัจจุบันมะลิ AI ได้พัฒนามากขึ้น นวัตกรรม Double Bot ทำให้มะลิ AI เป็นเสมือนผู้ช่วยออนไลน์ให้กับลูกค้าทรู เพียงกดที่เมนูสอบถามทรู บน True iService App, True iService Web จะพบ มะลิ AI ที่พร้อมให้บริการลูกค้าทรูได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้นมีการทำทรานเซคชั่นต่อเดือนมากถึง 150,000 ครั้ง ช่วยลดเวลาการรอสายของลูกค้าและช่วยแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ด้วยความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัยยกระดับการใช้ชีวิตของคนไทย และขับเคลื่อนภาคธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม ทรู ดึงศักยภาพบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยี ทรานส์ฟอร์มอุตสาหกรรมค้าปลีกไทย พัฒนาแพลตฟอร์มค้าปลีกอัจฉริยะ “True Virgo AI” (ทรู เวอร์โก AI) นวัตกรรม RetailTech ล้ำสมัยที่ผสานหลากหลายเทคโนโลยีดิจิทัลพลิกโฉมร้านค้าปลีกแบบเดิม ๆ ให้เป็นร้านค้าปลีกที่มีระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Fully Automated) ประเดิมให้บริการครั้งแรกที่ Lotus’s PICK & GO by True Digital ร้านค้าอัจฉริยะไร้พนักงานเต็มรูปแบบแห่งแรกในไทย ภายใต้ความร่วมมือกับโลตัส ปลดล็อกข้อจำกัดในการบริหารจัดการร้านค้า ช่วยผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกรับมือกับความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ระบบปฏิบัติการของร้านที่มีหลายระบบทำให้เกิดความซับซ้อนและยุ่งยากในการบริหารจัดการ การจัดการกำลังคนและแรงงาน รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค หาข้อมูลเชิงลึก (Insight) เพื่อนำไปวางแผนการตลาด เพิ่มโอกาสเติบโตของธุรกิจจากการเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้งและตรงจุด

True Virgo AI จึงนับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ทรู ดิจิทัล ได้พัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์ทั้งดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ยกระดับประสบการณ์ในการช้อปปิ้ง และสนับสนุนธุรกิจค้าปลีกทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน คุ้มค่าต่อการลงทุน อีกทั้งยังสามารถต่อยอดใช้งานในธุรกิจค้าปลีกได้อีกหลายมิติ อาทิ การนำเสนอสินค้าและโปรโมชันแบบเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น (Hyper-Personalization) การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) การจัดชั้นวางสินค้าและพื้นที่ในร้านค้า การใช้พลังงานอย่างเหมาะสม ระบบความปลอดภัย รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงเรื่องสินค้าในร้านสูญหาย เป็นต้น ทั้งนี้ ระบบร้านค้าไร้พนักงานจะไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าที่อาจนำไปสู่การระบุตัวบุคคล เช่น ภาพใบหน้า เป็นต้น ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ในความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Data Privacy)

ผ่านการผสานการทำงานของหลากหลายเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างลงตัวแบบไร้รอยต่อ ประกอบด้วย True Virgo AI แพลตฟอร์มอัจฉริยะเชื่อมต่อการทำงานของกล้องAIที่สามารถเพิ่มฟังก์ชันอีกหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของร้านค้าปลีกยุคใหม่ กล้องAIอัจฉริยะ สามารถเรียนรู้และเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับและบันทึกข้อมูลภายในร้าน Digital Price Label ป้ายราคาระบบดิจิทัล ปรับเปลี่ยนราคาสินค้าต่าง ๆ ได้ทันทีตามต้องการ Digital Payment System ระบบชำระเงินแบบดิจิทัล DataVisor แพลตฟอร์มบริหารจัดการข้อมูลแบบองค์รวม วิเคราะห์และประมวลผลแบบเรียลไทม์ พร้อมแสดงผลข้อมูลในรูปแบบต่างๆ ผ่านแดชบอร์ด เพื่อให้ร้านค้าสามารถนำข้อมูลเชิงลึกไปใช้ในการบริหารจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ