ไล่ล่าจับแฮกเกอร์ 9 near ไร้ผล ตำรวจยอมรับคนร้ายปิดโทรศัพท์หนี

07 เม.ย. 2566 | 17:18 น.
อัปเดตล่าสุด :07 เม.ย. 2566 | 17:28 น.
1.0 k

ไล่ล่าจับแฮกเกอร์ 9near ไร้ผล ตำรวจไซเบอร์ยอมรับคนร้ายปิดโทรศัพท์มือถือหนีไปแล้วยังไม่สามารถดำเนินการจับกุมได้ ส่วนเหตุการข้อมูลรั่วอยู่ระหว่างหาข้อเท็จจริง

ความคืบหน้า การจับกุมแฮกเกอร์ ที่ผู้ใช้งานบัญชี 9near แฮกข้อมุลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านราย บนเว็บไซต์ Bleach Forums ก่อนหน้านี้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ออกมาแถลงข่าวว่าขณะนี้ใกล้ได้ตัวคนร้ายแล้ว คาดว่าทางตำรวจไซเบอร์จะแถลงข่าวการจับกุมเร็วๆนี้

 

 

 

ล่าสุดวันนี้ 7 เม.ย .66 กระทรวงดีอีเอส ตั้งโต๊ะแถลงข่าวแถลงข่าว ผลการจับกุมแฮกเกอร์ 9 near โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดเผยว่า ยังไม่ได้ตัวแฮกเกอร์ 9 near จ่าสิบโท อายุ 33 ปี เนื่องจากปิดโทรศัพท์มือถือหนีไป ขณะนี้เริ่งประสานต้นสังกัดกรมการขนส่งทหารบก หากยังรับราชการอยุ่ใหนำตัวมาส่งมอบ ส่วนข้อมุลที่หลุดออกมานั้นไม่ยืนยันว่าข้อมุลหลุดออกมาจากแอปฯหมอพร้อม

“เรารู้ตัวคนร้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 เม.ย. หลังจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมาติดตามจับกุมปิดโทรศัพท์หนีไป สำหรับผู้กระทำความผิดกรณีนี้ เป็นทหาร ยศจ่าสิบโท ทั้งนี้ จากข้อมูลชี้ว่าแฮกเกอร์คนนี้เป็นคนมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์”

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา

ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถระบุตัวและชื่อของแฮกเกอร์ได้แล้ว อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวและดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม สำหรับสาเหตุการรั่วของข้อมูลอยู่ระหว่างการหาข้อเท็จจริง

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีกฎหมาย PDPA ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ถ้ามีคนร้ายขโมยข้อมูลและนำข้อมูลไปใช้อย่างผิดกฎหมายจะมีโทษ ขณะเดียวกันผู้ที่นำข้อมูลจากคนร้ายนำไปเผยแพร่หรือใช้ต่อจะมีโทษด้วยฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลตนเองกับผู้ที่ไม่รู้จัก ขณะเดียวกันก็ควรระวังการตั้ง username and password    ไม่ควรใช้เลขที่บัตรประชาชนและวันเดือนปีเกิดหรือเบอร์โทรศัพท์ และขอย้ำเตือนว่าเรามีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและลงโทษแฮกเกอร์หลายฉบับ ผู้กระทำความผิดก็จะมีโทษหนัก

รัฐมนตรีดีอีเอส กล่าว “กระทรวงได้กำชับให้ทุกหน่วยงานยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล และให้ทำการตรวจสอบและปรับปรุบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบฐานข้อมูล ปิดช่องโหว่ต่างๆ เพื่อดูแลข้อมูลประชาชนให้ได้มาตรฐานสูงสุด”

ขณะที่  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ข้อมูลที่หลุดกว่า 55 ล้านรายชื่อคนไทย มาจากแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม เป็นทหารสังกัดกรมการขนส่งทหารบก ไม่มีรายงงานผู้ต้องหาสนิทกับนักการเมือง ต้องหามาตรการป้องกันดีที่สุดไม่ให้เกิดซ้ำ.