GISTDA เผยไทยพบจุดความร้อนเพิ่มขึ้นนำอันดับ 1 จำนวน 3,691 จุด

28 ก.พ. 2566 | 11:06 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.พ. 2566 | 11:17 น.

GISTDA เผยดาวเทียมตรวจพบจุดความร้อนไทยวานนี้กว่า 3.6 พันจุด พุ่งขึ้นอันดับ 1 อยู่ในป่าอนุรักษ์มากที่สุดกว่า 1.6 จุด ตามด้วยป่าสงวนฯ

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ไทยพบจุดความร้อนเพิ่มขึ้นนำอันดับ 1 จำนวน 3,691 จุด (นับว่าสูงสุดตั้งแต่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นมา) ตามด้วยสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ จำนวน 2,948 จุด กัมพูชา 2,260 จุด สปป.ลาว 2,181 จุด เวียดนาม 501 จุด และมาเลเซีย 1 จุด

 

สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 1,689 จุด, พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,095 จุด, พื้นที่เกษตร 361 จุด, พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 302 จุด, พื้นที่เขต สปก. 229 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 15 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 4 อันดับคือ กาญจนบุรี 688 จุด, ตาก 402 จุด ,อุตรดิตถ์ 192 จุด และ เพชรบูรณ์ 173 จุด ตามลำดับ

ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 10:00 น. พบว่าในหลายจังหวัดของพื้นที่ภาคเหนือ อาทิ แม่ฮ่องสอน ,น่าน, ตาก ,เชียงใหม่ ,เชียงราย อยู่ระดับที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ ในขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร อยู่ระดับเริ่มมีผลต่อสุขภาพ เช่นกันแต่อย่างไรก็ตาม ก่อนออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา

gistda

สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพจากประแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่